รีวิวยาง Pirelli Diablo Rosso Sport ถอดเทคโนโลยีความสุดจาก SUPERCORSA
รีวิวทดสอบยางรุ่นใหม่ล่าสุด Pirelli Diablo Rosso Sport ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากยางตัวท็อป SUPERCORSA ลงสู่รถพิกัดตั้งแต่ 100 – 400 ซีซี ในราคาที่คุ้มค่าพร้อมสมรรถนะสุดขอบโฮโมโลแกรม จะดีหรือไม่ไปติดตามอ่านรีวิวกัน…
เรียกได้ว่าเป็นงานทดสอบยางรถจักรยานยนต์พีรารี่ แบรนด์อิตาลี ในภูมิภาคโซนเอเชีย เนื่องจากมีนักทดสอบยางชั้นนำรวมทั้งหมด 8 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย เกาหลี จีน เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา ซึ่งทาง MotoWish ได้รับเกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบยางจาก Pirelli Italy โดยเป็น 1 ใน 6 คน ของเมืองไทยเท่านั้น
รถที่ทดสอบในแทรควันนี้มีทั้งหมด 20 กว่าคัน เริ่มต้นที่ 150 cc. เช่น Honda CB150R , Yamaha R15 , MT-15 และ 300 cc. เช่น BMW G310R , CB300R , YZF-R3 , MT-03
ช่วงเช้าอบรมและทำความเข้าใจก่อนการทดสอบโดยคุณ Maffeis Flavia ซึ่งมีตำแหน่งเป็น Marketing Manager APAC ของทางพีรารี่เป็นผู้อธิบายรายละเอียด เห็นเป็นผู้หญิงแบบนี้ขี่รถวิบากรถบิ๊กไบค์เข่าเช็ดพื้นนะค๊าบบบ
มีการแบ่งกลุ่มในการทดสอบออกเป็น 4 กลุ่ม คือ Group A , B , C , D ขับขี่ทดสอบยาง 2 รูปแบบ คือ Track (ลงสนาม) และแบบ Slalom (สลาลอมไพล่อน นอกแทรค) สลับเปลี่ยนกันไปในแต่ละกรุ๊ป เริ่มตั้งแต่เวลา 9:20 – 12:00 ต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก!!! ทั้งหมดมี 8 Session เซสชั่นละ 20 นาที บอกเลยว่าเทสไรเดอร์หรือใครที่มาทดสอบร่างกายไม่ฟิตพอ แถมมาเจออากาศช่วงซัมเมอร์เมืองไทยมีสลบพร้อมยาดมแน่นอน
เรามาทดสอบยางพีรารี่กันในวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงหลังการแข่งขัน WorldSBK 2019 Pirelli Thai Round ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในช่วงซ้อม WorldSBK วันศุกร์นั้นอุณหภูมิผิวแทรคพุ่งสูงขึ้นถึงระดับ 61 องศา อ่านไม่ผิดนะครับ คิดดูว่ายางต้อนทนความร้อนได้ระดับไหน ร้อนแบบว่านักแข่งซ้อมเสร็จต้องเดินไปนอนแช่อ่างน้ำหลังพิท!!
ลองมาดูรูปร่างหน้าตายาง Pirelli Diablo Rosso Sport ที่เห็นจะเป็นยางหน้าขนาด 110/70-17 M/C (54S) ยางหลัง 140/70-17 M/C (66S) ลายของยางคล้ายๆรุ่น สายฟ้าให้อารมณ์สปอร์ตเรสซิ่งอยากซัดเลยทีเดียว พีรารี่บอกว่าถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรุ่น SUPERCORSA
เวลาใส่กับล้อแล้วมันก็จะหล่อเท่อวบๆแบบนี้ ในภาพยางหลังจะเป็นขนาด 150/60-17 M/C (66S) เดี๊ยวมาอ่านรีวิวกันว่าจะดีสมชื่อ Pirelli หรือไม่
กลุ่มเทสกลุ่มแรกที่หน้าตาดีทั้งกลุ่ม Group A จากประเทศไทยมีทั้งหมด 6 ท่านที่ร่วมทดสอบคือ 2 เซเลป (เบนซ์ เรสซิ่ง, แอนนี่ ปริศนา สุดสวย) , 2 เว็บไซต์ , 2 ยูทูปเบอร์ พร๊อมมลุย!! มาแชลต่างชาติบอกว่า : ยูซาดห๊ายเต็มที๋เล่ยหนะจาได้รูปาสิดติภาพขิงยางว่าเกาะขะนาดหน๋ายย!! ดีนะที่เทสไรเดอร์ฟังภาษาอังกฤษออก 555+
TEST TEST
เริ่มต้น Session 1 วอร์มร่างกายด้วยรถ Yamaha YZF-R3 สีดำด้านดุดันกันก่อน ในช่วงแรกของการลงทดสอบก็จะมีมาแชลต่างชาติขี่นำไลน์ให้เผื่อคนที่ยังไม่เคยลงแทรคสนามช้างฯมาก่อน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้กดคันเร่งเต็มเหนี่ยว เทสไรเดอร์ก็วอร์มเปิดหน้ายางอยู่ 2 รอบสนาม พอรู้สึกว่าอุณหภูมิของยางเกาะได้ที่ก็ใส่หมดปลอกทันที
ลองกดคันเร่งแช่ถึงท็อปสปีดช่วงสุดทางตรงของสนามช้าง เพิ่งจะรู้ว่ารถ YZF-R3 ไม่ได้ปรับเซ็ทโช้คหลังให้แข็งขึ้นสำหรับการขี่ในสนาม คือโช้คหลังตั้งค่าแบบสแตนดาร์ดของรถเลย เพราะท้ายรถมีอาการนิ่มเกินไปเวลาเข้าโค้งแรงๆ แต่ก็ดีนะจะได้รู้ว่ายางพีรารี่สามารถเอารถเสียอาการอยู่ไหม๊!!
ระยะการเบรค โดยปกติแล้วเทสไรเดอร์นำรถคลาสพันซีซีมาขี่ที่สนามช้างฯ เซอร์กิต ค่อนข้างบ่อยพอลองมาขี่ 300 cc. เลยต้องใช้เกียร์ที่สูงกว่าตัวพันซีซีในการเข้าโค้ง รวมทั้งเบรคลึกกว่าและใช้ระยะในการเบรคที่น้อยกว่า ก่อนเข้าโค้งที่ 1 ลองยกคันเร่งและเบรคเลยระยะป้าย 150 เมตร เข้าไปก่อนเลี้ยวเข้าโค้งยาง พีรารี่ ดิอาโบล รอสโซ่ สปอร์ต ให้ระยะการหยุดได้ค่อนดี ไม่มีอาการดิ้นของหน้ายาง รวมทั้งล้อหลังก็ไม่มีอาการส่ายไปมาให้ต้องพะวงในการคอนโทรลรถ
ยาง พีรารี่ ดิอาโบล รอสโซ่ สปอร์ต เนื้อยางด้านข้างจนถึงสุดขอบแก้มยางให้ความรู้สึกกลางๆไม่แข็งและก็ไม่นิ่ม ฟิลลิ่งในการเข้าโค้งให้ความสมูทต่อเนื่อง สามารถเปิดคันเร่งออกจากโค้งได้แบบเต็มคันเร่งโดยรถไม่มีอาการลื่นเลย กับรถพิกัด 300 cc. อย่าง YZF-R3 พูดได้เต็มปากว่ากริปในการเกาะผิวแทรคแอสฟัลท์ของยางมีความสามารถรับได้ถึงระดับ 400 cc. อย่างไม่ต้องสงสัย
หมด Session 1 Group A ไปอย่างรวดเร็ว น้องพริ้ตตี้ชูป้ายต่อ Session 2 เบิ้ลไหวไหม๊คะพี่!!! ชุดแข่งยังไม่ได้ถอด น้ำท่ายังไม่ได้กิน ขี่เทสต่อกันเลย
ในแต่ละรอบจะสลับหมุนเวียนรถกันไปไม่ซ้ำกัน เพื่อที่จะได้ลองเทสยางกับรถทุกๆแนว รอบนี้เทสไรเดอร์เปลี่ยนมาแนวนู๊ด naked บ้าง ขึ้นคร่อมเจ้า Yamaha MT-03
ในภาพเป็นช่วงออกจากโค้งที่ 3 ลองเทสกดเต็มคันเร่งสับเกียร์ต่อเกียร์แบบต่อเนื่องออกจากโค้ง ลองหักแฮนด์รถแบบ Counter Steering ทั้งๆที่รถยังคงเอียงอยู่ เพื่อดูอาการตอบสนองของยาง พีรารี่ ดิอาโบล รอสโซ่ สปอร์ต ก็ยังคงเกาะผิวแทรคได้มั่นคง ความรู้สึกของรถ MT-03 กับโช้คหลังดูจะมั่นคงกว่า R3 อีกนะ
ขึ้นจาก Session 2 ลองเปลี่ยนซีซีมาเป็น Yamaha YZF-R15 กันที่ Session 3 ดูบ้าง โค้งไฮสปีดที่เร็วที่สุดในสนามช้างฯ เซอร์กิต คือโค้งที่ 4 ด้วยรถพิกัดนี้ไม่ต้องเชนเกียร์ไม่ต้องเบรค เข้าโค้งที่เกียร์ 6 แช่คันเร่งเต็มข้อมือยัดเข้าไปเลย (แต่ในภาพไม่ใช่โค้งที่ 4 นะ เพราะไม่มีช่างภาพเก็บรูปไว้ได้) อันนี้เทสไรเดอร์เล่าให้ฟังถึงช่วงการทดสอบ
อย่างที่ทางพีรารี่บอกว่ายางรุ่น ดิอาโบล รอสโซ่ สปอร์ต สามารถทำองศาการเอียงรถได้มากกว่ารุ่น Angel Gity +2.5% หรือเอียงรถได้ถึง 42 องศา ดูจากรูปนี้เป็นช่วงออกจากโค้งที่ 1 น่าจะเกิน 42 องศาไปเยอะอยู่ เรียกว่าแทบจะนอนออกจากโค้งเลย
ช่วงทางตรง บริเวณส่วนกลางของหน้ายางจะให้ความรู้สึกแข็งกว่าด้านข้างเล็กน้อย เนื่องจากทางพีรารี่ออกแบบยางรุ่นนี้ สำหรับการใช้บนท้องถนนด้วย เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น แต่การทดสอบแบบเรสซิ่งก็ยังให้ฟิลลิ่งในการเกาะผิวแทรคในระดับที่ดีอยู่
หมดรอบ Session 3 กันไประหว่างนำรถเข้าพิทเลน ลองปล่อยมือทั้งสองข้างเช็คความกลมและลายหน้ายางว่า รถสามารถวิ่งในช่วงรอบต่ำสมูทหรือไม่ ก็ไม่มีอาการกระเด้งเนื่องจากลายดอกของหน้ายางให้รู้สึก
ลองมาดูลีลาการขี่คนอื่นๆบ้าง คุณเบนซ์ เรสซิ่ง กับรถซิ่ง Yamaha YZF-R3 , คุณแอนนี่ แบรนด์แอมบาสเดอร์พีรารี่ บนรถใบพัดฟ้าขาว BMW G310R , มาแชลคนไทยที่ขี่นำไลน์ชาวต่างชาติ ดีกรีนักแข่งระดับแนวหน้าของเมืองไทย คุณเอ๋ วรพงศ์ มาลาหวล บนรถ GPX Racer 200
มาต่อกันที่ Session 4 Slalom ด้านหน้าทางเข้าสนามช้างฯ เซอร์กิต พื้นผิวเป็นแบบคอนกรีตเหมือนถนนทั่วๆไป รถที่ใช้ในการทดสอบพูดภาษาชาวบ้านคือ “รถจ่ายตลาด” หรือภาษาอังกฤษเรียกรถ “Underbone” นั้นเอง กลุ่มทดสอบยังคงเป็นชุดหน้าตาดีชุดเดิม Group A Thailand
เอ้ๆ พริ้ตตี้ๆ!! ……ทุกคนนิ่งไป 10 วิ รู้สึกอากาศเย็นขี้นในทันที 555+
ลองมาดูสเปคของยางตัวนี้กันก่อน พีรารี่ ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากยางแข่งสู่ยางรุ่นนี้และเคลมว่ายางรุ่น Pirelli Diablo Rosso Sport (พีรารี่ ดิอาโบล รอสโซ่ สปอร์ต) สามารถทำองศาการเอียงรถได้ที่ 42 องศา มากกว่า Angel Gity 7 องศา และน้อยกว่า Rosso Corsa II Racing Underbone เพียง 5 องศาเท่านั้น คือคุณภาพการเทโค้งอยู่ตรงกลางระหว่างรถแข่งและรถบ้านนั้นเอง อารมณ์ซิ่งได้แต่ยังใช้ทนทาน ประมาณนั้น
มาดูโฮโมโลแกรมของยางบ่งบอกความสามารถในการใช้งาน จะเห็นได้ว่า Dry Grip (พื้นผิวแห้ง) สามารถทำประสิทธิภาพได้เกือบสูงสุด เช่นเดียวกับ Wet (พื้นผิวเปียก) เสียดายที่วันนี้เราไม่มีโหมดนี้ให้ได้เทสกัน Comfort (ความนุ่มของยาง) ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก Handling (การควบคุม) อยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกับ Performance , Wear
ลายเส้นสีขาวในกรอบคือ ประสิทธิภาพของยางเดิมๆติดรถ จะเห็นได้ว่ายาง พีรารี่ ดิอาโบล รอสโซ่ สปอร์ต ดีกว่าทุกหัวข้อเลย โดยที่ความสึกหรอของเนื้อยางหรือความทนทานต่อระยะการขับขี่ ยางหมดในระยะทางที่เท่าๆกันกับยางติดรถ
พร้อมเทสส!! มีเวลา 19.50 นาที เพราะเมื่อกี้เสียเวลาดูพริ้ตตี้ไปแล้ว 10 วิ ผ่างงง !!! เริ่มวอร์มหน้ายางกันก่อนสัก 1 รอบ Session นี้ไม่ต้องเสียเวลาวอร์มยางเยอะ เพราะกรุ๊ป D C B ไล่วอร์มกันไปแล้ว 3 Session
ผิวคอนกรีตด้านหน้าสนามช้างฯ เซอร์กิต บริเวณนี้จะเป็นคอนกรีตอัดแน่นอารมณ์เหมือนถนนเป๊ะๆ เพราะตรงนี้จะเป็นส่วนของการวางตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรทุกพวกรถแข่งต่างๆ หรือ ตู้คอนเทนเนอร์แบบออฟฟิตติดแอร์ให้ทีมงานได้ใช้งาน และก็ใช้จอดรถยนต์บ้างในบางส่วน ฉะนั้นจะมีขี้ฝุ่นผงเศษทรายเล็กๆน้อยๆอยู่แล้ว
รอบนี้เทสไรเดอร์เอาจริงแล้ว เริ่มพยายามเพิ่มองศาในการเอียงรถให้ได้มากที่สุด จังหวะในการสลาลอมผ่านไพล่อนนั้นใช้เกียร์ 2 แล้วใช้การเปิดปิดคันเร่งสัมพันธ์กับการโยกรถผ่านไพล่อนยาง พีรารี่ ดิอาโบล รอสโซ่ สปอร์ต ให้ความรู้สึกเกาะผิวคอนกรีตได้อย่างดีเยี่ยม สังเกตพักเท้าแทบจะติดพื้นอยู่แล้ว ซึ่งคนใช้รถปกติทั่วไปกับรถประเภทนี้คงไม่มีใครเอียงรถขนาดนี้แน่นอน
เทให้สุดแล้วไปหยุดที่กรวย!! สังเกตภาพช็อตนี้ รถเอียงมากๆจนแฟรริ่งบังลมด้านในแทบจะถูกกับพื้น จังหวะช่วงไพล่อนยูเทิร์น เทสไรเดอร์กดคันเร่งออกเต็มที่ท้ายรถไม่มีอาการสไลด์เลย ทั้งๆที่พื้นบริเวณนั้นก็มีฝุ่นทรายอยู่ แล้วจังหวะช่วงยูเทิร์นอีกครั้งก่อนเริ่มต้นสลาล่อมใหม่ ก่อนถึงไพล่อนแรก เทสไรเดอร์เชนเกียร์ลงและกระทืบเบรคหลังเพื่อให้ท้ายรถสไลด์เข้าไพล่อน ยาง พีรารี่ ดิอาโบล รอสโซ่ สปอร์ต มีอาการสไลด์เพียงเล็กน้อยแล้วก็มีกริปเกาะโค้งต่อในทันที รู้สึกได้ว่าเนื้อยางมีความเกาะและดูดผิวคอนกรีตมากๆ
หมดไป 4 Session ยังเหลืออีก 4 Session เห้ยยย…ถามจริ๊งง!! อ๊ะก็ลุยดิค๊าบบบ ต่อกันที่ Session 5
และแล้วก็มีเหตุระทึกให้ได้เสียวเล็กน้อย เมื่อเทสไรเดอร์เจอนักทดสอบชาวต่างชาติไม่คุ้นกับสนาม ขี่รถเข้าไลน์แบบแปลกๆ จังหวะที่เทสไรเดอร์กำลังจะเลี้ยวรถเข้าโค้งในเอเป็กซ์ นักทดสอบชาวต่างชาติก็เบรคและพับรถตัดเข้าไลน์มาในระยะกระชั้นชิด เทสไรเดอร์เลยต้องกดเบรคหลังค่อนข้างหนัก เพื่อลดความเร็วในโค้งและเอียงรถช่วยให้ระยะห่างระหว่างรถทั้งสองคันเพิ่มมากขึ้น ยางพีรารี่ให้อาการตอบสนองได้ดี ไม่มีอาการสไลด์หรือล้อล็อคเกิดขึ้นเลย เรียกว่าเบรคในโค้งได้อย่างมั่นใจ หลังจบ Session นี้เทสไรเดอร์ก็ขอตัวไปพักดื่มน้ำสักหน่อย อากาศร้อนแท้!!
บทสรุป
ด้วยชื่อชั้นของยางรถแข่งแบรนด์พีรารี่ ถือว่าการถ่ายทอดเทคโนโลยียางจากสนามแข่งทั่วทุกมุมโลก สู่ยางที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานจริงบนท้องถนนทำได้อย่างดีเยี่ยม และมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างแท้จริง #จ่ายเพิ่มอีกนิดถ้าชีวิตคุณมีค่า
ข้อดี
- จ่ายเพิ่มจากยางติดรถอีกนิดหน่อยได้ยางระดับรถแข่งแล้ว
- คุณภาพยางอยู่ในระดับที่ดีมาก มีความเกาะทั้งผิวแทรคแอสฟัลท์และคอนกรีต
- ประสิทธิภาพโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม
ข้อแนะนำ
- ระดับลมยางมีผลต่อคุณภาพการเกาะถนน ควรใส่ใจในการเช็คลมยางสม่ำเสมอ
- ราคาวางจำหน่าย ณ เดือนมีนาคม 2562
- ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นตัวแทนจำหน่าย
- ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
- ค้นหาตัวแทนจำหน่าย Pirelli เพิ่มที่นี่
MotoWish ขอขอบคุณ
Pirelli Thailand
Competizioni Moto Group, The Offiicial Distributor Of Pirelli Moto Tyres
ติดต่อสั่งสินค้า 02 320 1910 , 081 551 8807, 091 886 0676
> Nitek Helmet 2 Power : หมวกเท่ๆสำหรับสายซิ่ง
146/2 ซ.ศูนย์วิจัย 14 ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทร.081-823-0181 , 099-640-0592
> ผู้ทดสอบ : @Rider 69
Source Cr.: Pirelli
อ่านข่าว Reviews เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว Pirelli เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish