รีวิว Kawasaki KLX เปิดโหมดโดด ทดสอบโหดครบ 4 รุ่น (KLX230, KLX230ABS SE, KLX230R, KLX300R)
เอาใจสายลุยกันเต็มๆเมื่อ คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) ส่งสารเชิญสื่อมวลชนชั้นนำของเมืองไทยไปร่วมงานเปิดตัว และทดสอบรถรุ่นใหม่ ณ สนามอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยอง สังเวียนแห่งความสนุก และลานประลองความเร็วสำหรับชาวโมโตครอส
ถึงวันนัด ทีมงาน MotoWish จัดหนักตามเคย เท้าเหยียบสนามถึงกับตกใจเมื่อพบกับโดมผ้าใบขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านข้างสนามโมโตครอส งานนี้มีสนุกแน่นอน… ภายในพื้นที่โดมเป็นสถานที่เปิดตัวรถรุ่นใหม่ ซึ่งเตรียมไว้รองรับสื่อมวลชน และผู้แทนจำหน่ายคาวาซากิทั่วประเทศ ส่วนสนามภายนอกเป็นพื้นที่ทดสอบ และงานกิจกรรม Kawasaki Enduro 3 Hour สนาม 2 ที่จัดขึ้นพร้อมๆกัน
ทันทีที่ถึงเวลาเปิดตัว ผู้บริหาร “คาวาซากิ” เปิดผ้าคลุมทำเอาทีมงานใจระรัว เมื่อเห็นรถสไตส์เอ็นดูโร่โฉมใหม่ถึง 4 รุ่น ได่แก่ KLX230, KLX230 ABS SE, KLX230R และ KLX300R ทั้ง 4 รุ่นนี้นับเป็นโมเดลใหม่ที่ทำมาเอาใจสายลุย สายโดดโดยเฉพาะ และก่อนอื่นขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า KLX230 และ KLX230 ABS SE เป็นรถจักรยานยนต์ที่ทำมาสำหรับใช้งานบนท้องถนน ซื้อแล้วจดทะเบียนได้ ส่วน KLX230R และ KLX300R เป็นรถจักรยานยนต์ที่ทำมาสำหรับใช้ในสนาม หรือเพื่อการแข่งขันเท่านั้น ไม่สามารถจดทะเบียนได้
หลังจากการเปิดตัว เป็นช่วงที่คาวาซากิเปิดให้ทดสอบกันเต็มที่ เมื่อถึงคิวทีมงาน MotoWish ไม่รอช้ากระโดดขึ้นรถทดสอบครบทุกรุ่น ให้มั่นใจกันไปเลยว่าดีอย่างไร ถึงช่วงแรกจะถูกจำกัดเวลา แต่ช่วงหลังๆปล่อยทดสอบกันเต็มที่
โปรแกรมนี้มี “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร และ “ซีเค” ชัยวิชิต นิสกุล 2 นักแข่งจาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม มาร่วมทดสอบด้วย อาการของ “ติ๊งโน๊ต” ดีขึ้นมากหลังจากได้รับบาดเจ็บในการแข่งขัน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อเดือนมีนาคม การขี่ครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกาย เพื่อจะไปแข่ง BRIC 2019 และ FIM Asia Road Racing 2019 ในปีนี้
Kawasaki KLX230 & KLX230 ABS SE : แรงดี นั่งสบาย บังคับง่าย
เริ่มที่ Kawasaki KLX230 และ Kawasaki KLX230 ABS SE กันก่อน สำหรับ KLX230 เป็นรถจักรยานยนต์แบบดูอัล เพอร์โพส (Dual Purpose) ก็คือรถแบบเอนกประสงค์ จะใช้ในเมือง นอกเมือง ทางฝุ่น ทางดำ สายถนน สายวิบาก ท่องเที่ยวเดินทางไกลไปได้หมด
KLX230 และ KLX230 ABS SE รถทั้ง 2 รุ่นมีพื้นฐานเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่ออฟชั่น และสเป็คบางส่วน KLX230 และ KLX230 ABS ได้รับการออกแบบใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดท้าย เครื่องยนต์ใหม่ เฟรมใหม่ ทำมาให้ตอบโจทย์การใช้งานทางฝุ่นมากขึ้น รูปโฉมภายนอกได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถตระกูล KX โมโตครอสสายพันธุ์แข่ง
เครื่องยนต์ KLX230 และ KLX230 ABS SE ได้รับการออกแบบใหม่หมด ขุมพลัง 1 สูบ 4 จังหวะ ขนาด 233 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด ทีมวิศวกรคาวาซากิ ตั้งใจปรับปรุงเครื่องยนต์ลูกนี้ให้มีขนาดเล็กกระทัดรัด เหมาะสำหรับการขับขี่บนทางฝุ่นโดยเฉพาะ
ตัวถัง หรือแซสซี ถูกออกแบบใหม่หมดเช่นกัน รูปแบบเฟรม Perimeter ผลิตจากเหล็กที่รับแรงดึงได้สูง โครงสร้างของเฟรมตัวถังมีขนาดเล็ก เมื่อวางเข้ากับเครื่องยนต์ที่มีขนาดกระทัดลัด ทำให้เกิดความสมดุลลงตัว
ล้อที่ใช้เป็นแบบซี่ลวด วงล้ออลูมิเนียมด้านหน้า ขนาด 21 นิ้ว และด้านหลัง 18 นิ้ว โอบรัดมากับยางหนาม ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช๊คอัพแบบเทเลสโคปิค ขนาดแกน 37 มม. และด้านหลังใช้โช๊คแก๊สที่ปรับตั้งพรีโหลดได้
KLX230 และ KLX230 ABS SE รุ่นนี้มีไฟหน้า เพราะทำมาสำหรับการใช้บนท้องถนน คาวาซากิบอกว่าความสว่างคือ สิ่งที่วิศวกรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการออกแบบ ฉะนั้นเรื่องระบบส่องสว่างของรถรุ่นนี้ใช้งานบนถนนปลอดภัยแน่นอน ไม่ว่ายามค่ำคืน หรือใช้ลุยในเส้นทางธรรมชาติ
เรือนไมล์จอ LCD เป็นดิจิตอลเต็มรูปแบบ (Full Digital) แสดงผลมาตรวัดต่างๆ เห็นง่ายชัดเจน ตัวเรือนไมล์แสดงผลมาตรวัดความเร็ว, วัดรอบ, ระยะทางสะสม, วัดระยะทางแบบ Dual Trip, วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลง, นาฬิกา และสัญญาณไฟเลี้ยว ข้อมูลมาแบบครบครัน ขาดแต่การแสดงตำแหน่งเกียร์
สิ่งที่ต่างกันระหว่าง KLX230 และ KLX230 ABS SE คือระบบเบรก ทั้งคู่ใช้คาลิเปอร์หน้าแบบ 2 ลูกสูบ แต่มีจานเบรกขนาดต่างกัน KLX230 ใช้จานเบรกหน้าขนาด 265 มม. ส่วน KLX230 ABS SE ใช้จานเบรกหน้าขนาด 240 มม. มาพร้อมระบบ ABS ส่วนเบรกด้านหลัง ใช้คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ จานเบรกขนาด 220 มม. เหมือนกันทั้งคู่
เทียบมิติรถกันหน่อยซิ ว่าต่างกันตรงไหน!!
ทดสอบคู่พี่น้อง KLX230 และ KLX230 ABS SE
ทันทีที่ทีมงานคาวาซากิส่งสัญญาณให้ทดสอบ เทสไรเดอร์เลือก KLX230 ก่อนเลย แล้วตามด้วย KLX230 ABS SE เพราะเห็นว่าเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานบนท้องถนน และที่สำคัญจดทะเบียนได้ การทดสอบรอบแรก 15 นาที และปล่อยฟรีในรอบท้ายๆ โดดใส่ให้หนำใจ เรื่องสมรรถนะภาพรวมทั้งคู่แทบจะเหมือนกันเพราะใช้ตัวถัง และเครื่องยนต์เดียวกัน จะมีรายละเอียดบางอย่างที่ต่างกันเล็กน้อย มาๆจะเล่าให้ฟัง
จากการทดสอบ KLX230 และ KLX230 ABS SE สามารถให้คำนิยามได้ว่า “แรงดี นั่งสบาย บังคับง่าย คล่องตัว” ตัวถัง และเครื่องยนต์ถือเป็นความได้เปรียบของรถรุ่นนี้ ตัวถังเบา มีขนาดเล็กเหมาะกับขนาดตัวมาตรฐานคนไทยมากๆ ขึ้นไปนั่งแล้ว ไม่สูงไป นั่งสบาย การวางขา การหนีบถัง ถูกสรีระลงตัวไปซะหมด สำหรับเทสไรเดอร์มีส่วนสูงอยู่ที่ 170 ซม. เท้าวางถึงพื้นสบายๆ
เริ่มออกตัวตะลุยแทรค เครื่องยนต์ 230 ซีซี แผลงฤทธิ์ทันที พละกำลังมาสม่ำเสมอ แรงบิดดี มาไว คิดในใจว่าความแรงช่างไม่สัมพันธ์กับบอดี้เลย เพราะอะไรน่ะหรอ… ตัวถังเบามาก มาเจอกับเครื่องยนต์ขนาด 230 ซีซี แรงตัวปลิวเลย ถ้าเป็นมือใหม่ต้องใช้เวลาขี่สักพักจะจับจุด และปรับตัวได้ไม่ยาก
ช่วงล่าง KLX230 ให้ความนุ่มนวลมาก อย่างว่าเป็นรถที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานบนถนน ช่วงล่างทำงาน และตอบสนองได้ยอดเยี่ยม การทดสอบครั้งนี้เป็นการทดสอบในสนามปิดรูปแบบโมโตครอส เทสไรเดอร์เลยขอจัดเต็มเพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่ 555…
ช่วงล่างแบบเดิมๆนั้นอาจไม่เพียงพอสำหรับการกระโดดหนักๆสักเท่าไหร่ ต้องปรับเซ็ตเพิ่มสักเล็กน้อยเพื่อป้องกันอาการยวบยาบ แต่ถ้าถ้าขี่ชิลๆ ท่องเที่ยวบนทางดำ หรือลุยทางดินแบบปกติ นุ่มนวลเอาอยู่แน่นอน
การบังคับ การคอนโทรล ทำให้เทสไรเดอร์ทึ่ง!! รถควบคุมง่าย มิติรถ ท่านั่ง ถังน้ำมันต่ำลง ทำให้เคลื่อนตัวง่ายเวลาบังคับ ทุกอย่างเป็นส่วนผสมที่เข้ากันลงตัว ถ้าเป็นมือใหม่ใช้รถประเภทนี้ บอกเลยว่า ดี!! แต่ถ้าเป็นจิ๊กโก๋มากประสบการณ์ใช้งานต้องเซ็ตช่วงล่างกันสักหน่อย
ระบบเบรก คือสิ่งที่แตกต่างของ KLX230 และ KLX230 ABS SE
เบรกของ KLX230 และ KLX230 ABS SE เบรคดีทั้งคู่ การตอบสนองดีเอาอยู่กับสมรรถนะรถ KLX230 เหมาะกับการขี่ในรูปแบบวิบากมากกว่าเพราะไม่มี ABS ความรู้สึกในการคุมเบรกทำได้ไวดั่งใจ ด้าน KLX230 ABS SE จุดเด่นอยู่ที่ระบบ ABS การเบรกทางตรงทำได้ดีตามสไตล์รถ ABS แต่ถ้าขี่ในรูปแบบวิบากอาจไม่เหมาะนัก หากใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวบนถนน ระบบเบรกจะช่วยเสริมความปลอดภัยไห้มากขึ้น
เทียบฟิลลิ่งชายใหญ่ KLX 250 กับ ชายกลาง KLX 230
คราวนี้ลองเทียบความรู้สึกกับ KLX 250 ดูบ้าง เรื่องของเครื่องยนต์ถึงแม้จะมีซีซีที่ต่างกัน แต่ KLX 250 ต้องแบกรับน้ำหนักตัวรวมที่มากกว่า นั่นจึงทำให้เวลาขี่จริง ความรู้สึกที่ได้จากเครื่องยนต์ไม่หนีกันมาก แต่สิ่งที่เป็นแต้มต่อของ KLX 230 แบบชัดเจนคือ ตัวถังมีความกระชับ คล่องตัวกว่า เบากว่า พับรถง่าย เลี้ยวง่าย ท่านั่งดีกว่า KLX 250 มาก คิดง่ายๆเหมือนเอาตัวถังของ KLX 150 มาใส่เครื่อง 230 ซีซีประมาณนั้น
ส่งผลให้ KLX 230 การคอนโทรลง่ายกว่าเยอะ แต่หากเปรียบในส่วนของช่วงล่าง ต้องบอกว่า KLX 250 เฟิร์มกว่า เพราะสเป็คที่แตกต่างในการแบกรับน้ำหนักตัวรถที่มากกว่านั่นเอง
สรุปให้ว่า KLX230 และ KLX230 ABS SE เป็นรถที่คล่องตัวมาก ด้วยตัวบอดี้ที่ปราดเปรียว บังคับง่ายคอนโทรลง่าย เหมาะกับสรีระคนไทยช่วงล่างไม่สูงเกินไป เครื่องยนต์แรงซีซีเหลือเฟือในรถขนาดนี้ สมกับเป็นรถที่ใช้เดินทางท่องเที่ยว และขี่ทางไกลสัก 300-400 กม. ขี่เพลินเกินกว่าที่คิดแน่นอน
ข้อแนะนำ หากใช้รถรุ่นนี้ขี่ในสนามวิบากแบบหนักๆ ต้องปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่มันอาจจะนิ่มเกินไป ก็อย่างว่าเขาตั้งใจทำมาสำหรับเดินทาง และใช้งานบนทางดำทางฝุ่นแบบสบายๆ ที่เป็นอยู่ถือว่าเหมาะสมแล้ว
Kawasaki KLX 230R : รถเบา แรงเกินตัว
มาถึง Kawasaki KLX 230R ลูกครึ่งรถถนนผสมรถสนาม เป็นรถที่ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ และเฟรมตัวเดียวกับ KLX230 และ KLX230 ABS SE เครื่องยนต์ 1 สูบ ขนาด 230 ซีซี ที่ได้รับการออกแบบใหม่หมดให้เหมาะกับใช้งานบนทางฝุ่น ด้านแซสซีหรือเฟรมแบบ Perimeter ได้รับการออกแบบใหม่หมดเช่นกัน ทำให้มีขนาดกะทัดรัดน้ำหนักเบา ทั้งเครื่องยนต์และตัวถังถือเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้
รูปทรงของ KLX 230R ตัวรถมีความเข้ารูปมากกว่า KLX230 และ KLX230 ABS SE แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถตระกูล KX สรีระปราดเปรียวเพรียวลมสวมจิตวิญญาณของรถแข่ง ในรุ่น KLX230R ไม่มีไฟหน้ามาให้ด้วย การใช้รถรุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสนุกในทางฝุ่น เส้นทางธรรมชาติ หรือใช้ในการแข่งขัน
ระบบกันสะเทือนเป็นโช๊คอัพเทเลสโคปิคขนาดแกน 37 มม. และโช๊คอัพเดี่ยวแบบแก๊สปรับตั้งพรีโหลดได้ ระบบเบรกด้านหน้าใช้คาลิเปอร์แบบ 2 ลูกสูบ ร่วมกับจานเบรคขนาด 240 มม. ปั๊มเบรกบนสไตส์ KX พร้อมกระปุกน้ำมันเบรก ส่วนด้านหลังเป็นคาลิเปอร์ 1 ลูกสูบพร้อมกับจานเบรกขนาด 220 มม.
มาดูมิติตัวรถ KLX 230R กันบ้าง!!
KLX 230R มีรูปร่างที่เพรียวกว่า KLX 230 ระยะห่างใต้ท้องรถสูงกว่า รวมถึงน้ำหนักยังเบากว่า 18 กก. จึงไม่แปลกใจเลยว่ามันถูกพัฒนามาเพื่อความสนุกในการขี่อย่างแท้จริง
อย่ารอช้า… ทดสอบเลย!!
จุดเด่น XLX230R อย่างแรกเมื่อได้คร่อม มีลักษณะคล้ายรถแข่ง มิติของรถขนาดเล็ก เพรียว ท่านั่งดีมาก เมื่อนำมันไปกระโดดให้ความรู้สึกที่แน่น เฟิร์ม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้ำหนักตัวที่เบากว่า KLX230 ถึง 18 กก. จึงทำให้เหมาะกับการขี่ในรูปแบบสนามมากกว่า
เครื่องยนต์ ให้การตอบสนองดีถือว่าแรงมาก แรงจนคิดว่านี่มัน.. แรงเกินตัวไปรึเปล่า? อย่างที่บอก จุดเด่นของตัวถังและเครื่องยนต์ออกแบบให้มีขนาดเล็ก ใช้วัสดุที่เบา นี่จึงเป็นข้อได้เปรียบในด้านกำลังต่อน้ำหนักที่ทำให้รถคันนี้ว่องไวทันใจ
การควบคุมรถ เป็นไปอย่างคล่องตัว เรียกว่าน้องๆรถแข่ง คุมง่าย เลี้ยงง่าย พลิกง่าย น้ำหนักเบา การทรงตัวดี ช่วงล่างของรถคันนี้มีความเฟิร์ม รับแรงกระแทกได้ดี ไม่มีสุด ไม่มียัน ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้สมบูรณ์แบบ
ข้อแนะนำสำหรับ Kawasaki KLX 230R เหมาะสำหรับเป็นรถที่ใช้ขี่เล่นในสนาม ขี่เล่นในป่า หรือใช้แข่งขัน ถ้าเพิ่มท่อแต่งอีกสักใบจี๊ดกว่านี้แน่นอน สิ่งที่ไม่แนะนำ ไม่ควรใช้รถคันนี้ขับขี่ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากไม่มีไฟฟน้าจะเป็นอันตรายต่อตัวผู้ขับขี่
Kawasaki KLX300R : จัดจ้าน น้องๆรถสูตร
เป็นเอ็นดูโร่ไบค์สายพันธุ์แข่งอีกตัวที่สร้างความตราตรึงให้กับเทสไรเดอร์อย่างมาก ด้วยสมรรถนะที่สุดไปอีกขั้นเมื่อเทียบกับ 3 คันที่ผ่านมา เครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังที่มากกว่า ช่วงล่างลงตัว การบังคับคล่องแคล่ว อยากรู้ว่าดีอย่างไร ตามมา….
เริ่มกันที่ทรวดทรงองเอว KLX300R ได้รับแรงบันดาลใจจากรถสูตรตระกูล KX ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง หรือเบาะนั่งแกะแบบมาจาก KX450 และ KX250 การออกแบบเฟรมตัวถัง และดีไซน์รูปทรงของรถช่วยในเรื่องท่านั่ง ทำให้หนีบรถได้ถนัด และคุมรถได้คล่องตัว
เครื่องยนต์ KLX300R ถือเป็นพี่ใหญ่สุดในการเปิดตัวครั้งนี้ เครื่องยนต์แบบหัวฉีด ขนาดความจุ 292 ซีซี ระบายความร้อนด้วยของเหลว ถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ แต่มีการปรับปรุงย่านกำลังให้เหมาะสมกับการใช้งานสไตส์ออฟโรด โดยเฉพาะแรงบิดในรอบต่ำให้พละกำลังจัดจ้าน
ระบบกันสะเทือน KLX300R มีช่วงชักที่ยาวทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โช๊คอัพด้านหน้าแกน 43 มม. แบบเทเลสโคปิคปรับคอมเพรสชั่นได้ ด้านหลังเป็นโช๊คอัพแก็ส ปรับคอมเพรสชั่น รีบาวด์ และพรีโหลดได้เต็มรูปแบบ ส่วนแฮนด์บาร์ปรับระดับได้เหมือนรถสูตรตระกูล KX
ชุดเบรกที่ใช้ในรุ่น KLX300R เป็นคาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ ประกบกับจานเบรกแบบกึ่งให้ตัวได้ (Semi-floating) ขนาด 270 มม. ในด้านหน้า และ คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบกับจานเบรกขนาก 240 มม. ในด้านหลัง
มิติรถ สูง ใหญ่ แต่คล่องตัว
ไหน… น้องๆรถสูตรมันเป็นยังไง
พูดถึงพละกำลังเครื่องยนต์ก่อน… ทอร์คดีมาก ย่านกำลังมาดี โดยเฉพาะในรอบต่ำบิดไปไม่รอรอบ เร่งออกดี ยิ่งในโค้งนี่ดีมาก มาไว ถือว่าเป็นรถสแตนดาร์ทที่จัดจ้านตั้งแต่เกิด บางย่านอาจมีจังหวะหน่วง ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้ เพื่อให้ขี่ง่าย โดยเป็นนิสัยของรถคาวาซากิตั้งแต่ไหนแต่ไร เน้นจุดเด่นเรื่องการขี่ง่ายเป็นที่ตั้ง
สมรรถนะน้องๆรถสูตร น้องๆตัวแข่งโมโตครอส ช่วงเกียร์อาจจะยาวกว่า ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้ใช้ท่องเที่ยวลุยป่า ทาง Single Track หรือขี่ซ้อมในสนามได้ดีกว่ารถสูตร และอย่างไม่ต้องพะวงกับชั่วโมงการใช้งานมากนัก
ช่วงล่าง KLX300R มีความนุ่มนวลแต่ไม่ยวบยาบ ไม่กระด้างแต่ยึดเกาะ การรองรับแรงกระแทกถือว่าเอาอยู่ จากการทดสอบในทางที่เป็นคลื่นเยอะๆ ช่วงล่างไม่แข็งจนเกินไป แฝงไปด้วยความนุ่มนวลนิดๆ ถูกเซ็ทไว้เหมาะสมลงตัวมาก
การบังคับรถ เรื่องความคล่องตัวต้องยกให้ KLX300R หากเทียบกับรถในคลาสเดียวกันในกลุ่มโปรดักส์ชั่นไบค์ที่ขายในท้องตลาดทั่วไป ถือว่ายืนหนึ่งมาเลย ด้านของการเบรคตอบสนองได้ดี รองรับสมรถถนะได้เหลือๆ
ข้อแนะนำสำหรับ KLX300R เป็นรถสแตนดาร์ดที่ให้สมรรถนะดี คุ้มค่า คุ้มราคา ถ้าอยากให้สุดกว่านี้ จับเปลี่ยนโช็คอัพ ท่อไอเสีย เหลือเฟือแล้ว สรุปว่า… น่าขี่มาก คุ้มราคาค่าตัว
การทดสอบของทีมงาน MotoWish ครั้งนี้เป็นการทดสอบในสนามโมโตครอส ฉะนั้นรูปแบบการขับขี่ และการรีวิวถึงสรรมถนะจึงเป็นลักษณะการใช้งานบนทางฝุ่น ทางดิน ทางวิบาก รวมถึงเนินต่างๆในสไตส์เอ็นดูโร่ และโมโตครอสเป็นหลัก
เทสไรเดอร์โดดจริง เหินจริง สไลด์จริง ตามรูปแบบของสนามและไม่ได้นำ KLX ทั้ง 4 รุ่นไปใช้งานบนถนนสาธารณะ จึงไม่อาจบรรยายถึงสภาพการใช้งานบนถนนจริงได้ในโอกาสนี้
สำหรับสี และราคาของ KLX230, KLX230 ABS SE, KLX230R, KLX300R ทั้ง 4 รุ่น มีดังนี้
KLX230 (สีเขียว/Lime Green) ราคา 120,000 บาท (จดทะเบียนได้)
KLX230 ABS SE (สีน้ำเงิน/Oriental Blue, สีแดง/Firecracker Red) ราคา 133,000 บาท (จดทะเบียนได้)
KLX230R (สีเขียว/Lime Green) ราคา 125,000 บาท (จดทะเบียนไม่ได้)
KLX300R (สีเขียว/Lime Green) ราคา 200,000 บาท (จดทะเบียนไม่ได้)
MotoWish ขอขอบคุณ
บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด
2499 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310 ติดต่อ 02-018-4999
อ่านข่าว Reviews เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish