Home  »  Reviews   »   ออกไปท่องโลกกว้างกับ Honda New XL750 Transalp ระยะทาง 2,200 กิโลเมตร

ออกไปท่องโลกกว้างกับ Honda New XL750 Transalp ระยะทาง 2,200 กิโลเมตร

เมื่อชีวิตไบค์เกอร์สายซิ่งอย่างเรา มีอาการอิ่มตัวกับรถสปอร์ตคลาส 1,000 ซีซี เลยมีความคิดอยากจะหารถออกทริปแบบขี่ทะลุข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นช่วงเวลาพอดีที่ล่วงเลยเข้าสู่หน้าฝน…จึงได้เกิดทริปนี้ขึ้นมา

 

และรถตัวเลือกที่แล่นเข้ามาในหัวตอนนี้ก็คือ Honda New XL750 Transalp ชื่อรุ่นอ่านออกเสียงเป็นภาษาไทยว่า “ทรานซ์แอลป์” ตอนแรกๆเทสไรเดอร์ก็ออกเสียงผิดเหมือนกัน

 

ทริปนี้เราจะเดินทางกันสองคนพร้อมภาระ เอร๊ยยย สัมภาระแบบเต็มพิกัด จากรูปภาพจะเห็นได้ว่า กล่องท้ายรถขนาด 65 ลิตร พร้อมกระเป๋าด้านบนอีก 90 ลิตร นี่ไปเที่ยวนะไม่ได้ย้ายบ้าน 555+ ทริปนี้แผลนไว้ว่าต้องไปซึมซับบรรยากาศสัก 6 วัน 5 คืน ตามมาครับเทสไรเดอร์จะเล่าให้ฟัง…

วางแผนทริปการเดินทาง

 

  • วันที่ 1 วางแผนออกเดินทางจาก กทม. ยิงยาวม้วนเดียวไปพักที่ จ.หนองคาย
  • วันที่ 2 ออกจาก จ.หนองคาย ไปยัง อ.เชียงคาน จ.เลย
  • วันที่ 3 จากเชียงคาน ไป อ.บ่อเกลือ จ.น่าน
  • วันที่ 4 จากบ่อเกลือ ไป อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
  • วันที่ 5 (พักที่เขาค้อต่อ)
  • วันที่ 6 เดินทางกลับ กทม. รวมระยะทางโดยประมาณ 2,200 กม.

 

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เน้นท่องเที่ยว เน้นพักผ่อน เน้นสูดบรรยากาศ ค่อยๆไปเที่ยวไปเรื่อยๆ ตรงไหนสวยจอดถ่ายรูป ตรงไหนมีสถานที่แปลกๆตาไม่เคยเห็นก็ลองจอดลองแวะดู

 

หลังจากวางแผนได้แล้วก็เตรียมรถ Honda New XL750 Transalp พร้อมจัดอุปกรณ์ เตรียมสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้ ขอย้ำว่า #จำเป็นต้องใช้ๆๆๆๆ!! จีจีน๊ะ

รูปทรงภายนอก

 

สำหรับรถ Honda New XL750 Transalp คันนี้เรียกได้ว่าเป็นรถใหม่ป้ายแดงที่เพิ่งจะพ้นระยะรันอิน พร้อมใช้งานพร้อมซัดได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลอะไร

 

วันที่เทสไรเดอร์รับรถมาเลขไมล์อยู่ประมาณ 5xx กิโลเมตร (ซึ่งตามคู่มือติดรถมีบอกไว้อย่างชัดเจนว่าระยะรันอินคือ 500 กม. หรือ 300 ไมล์)

 

หลังจากรับรถแล้วก็ไปใส่กล่องสัมภาระด้านหลังเป็นของยี่ห้อ BM Motor ขนาด 65 ลิตร เพราะว่าเดินทางหลายวัน เลยเลือกที่ใส่ได้เยอะที่สุดเท่าที่จะใส่ได้

 

ก่อนเดินทางลองมาส่องสเปครถ Honda New XL750 Transalp กันก่อนว่ารถราคา 389,000 บาท ให้อะไรมาบ้างออฟชั่นจะคุ้มค่าตัวหรือไม่!!

 

ขนาดตัวรถอยู่ที่ 2,325 x 838 x 1,450 มม. (ย x ก x สูง) ความสูงจากพื้นถึงเบาะ 850 มม. ระยะฐานล้อ 1,560 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงใต้เครื่องยนต์ 210 มม. น้ำหนัก 208 กก.

 

ความสามารถในการรับน้ำหนักสูงสุด 207 กิโลกรัม

เริ่มกันที่ระบบไฟส่องสว่างเป็นแบบ LED ทั้งคันตามสมัยนิยม ไฟหน้ามองผ่านๆเหมือนเป็นฝาแฝดพี่น้องกับรุ่น CB500X , CB750 Hornet ชิลด์หน้าดูจะเล็กกะทัดรัดไปหน่อย ไม่รู้จะลดแรงปะทะจากลมได้ไหม แต่ด้วยดีไซน์ช่วงหัวหน้ากากที่เล็ก ชิลด์หน้าก็เลยต้องออกแบบให้ลายเส้นเล็กตามกันไป

หน้าจอเรือนไมล์เป็นแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว เชื่อมต่อระบบสั่งงานด้วยเสียง Honda Smart Voice Control system (HSVCs) ผ่านแอปพลิเคชัน Honda RoadSync ใช้งานง่าย เพื่อทุกการขับขี่

 

สามารถเลือกปรับหน้าจอได้ถึง 4 รูปแบบ

 

มาพร้อมระบบ Honda Selectable Torque Control (HSTC) ช่วยรักษาความเสถียรของตัวรถขณะขับขี่โดยทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ 5 โหมด คือ Gravel , Sport , Standard , Rain , User

  • สวิทช์ฝั่งซ้าย : เริ่มจากสวิทช์ด้านบนเป็น สวิทช์ไฟสูง–ต่ำ / สวิทช์ไฟขอทาง / ไฟเลี้ยว / สวิทช์ MODE , ปุ่มแตร / สวิทช์ฟังก์ชั่น FN / สวิทช์ SEL (เลือก บน-ล่าง-ซ้าย-ขวา) / ไฟเลี้ยว / สวิทช์ไฟฉุกเฉิน Hazard

 

  • สวิทช์ฝั่งขวา : สวิทช์ Start On-Off

ก้านเบรกสามารถปรับระดับได้

รถรุ่นนี้จะเป็น กุญแจระบบ HISS ให้มาด้วยกันทั้งหมด 2 ดอก และ แผ่นหมายเลขบาร์โค้ดกุญแจ 1 แผ่น (ใช้เวลาทำกุญแจหายแล้วต้องเบิกกุญแจใหม่)

เบาะนั่งแบบชิ้นเดียว สำหรับความรู้สึกของเทสไรเดอร์ ถ้าคนขี่และคนซ้อนตัวเล็ก คนซ้อนจะไหลมากองรวมกับคนขี่ ก็อาจจะต้องทำเบาะเฉพาะตัว แต่ถ้าคนขี่ตัวค่อนข้างใหญ่หน่อยก็จะพอดีกับเบาะนั่ง

 

ส่วนความนุ่มสบายถือว่าสอบผ่าน ไม่นุ่มจนเมื่อยเมื่อเดินทางไกล และก็ไม่แข็งเกินไปจนเกิดอาการเจ็บที่ก้น ส่วนใครจะไปเทียบกับเบาะเจลคงสู้ไม่ได้อันนั้นต้องเสียเงินเพิ่มเลเวลกันเองนะ

เปิดเบาะขึ้นมาจากซ้ายมือจะเห็น / แบตเตอรี่ รหัส YTZ10S 12v – 8.6 Ah (10 HR) / กล่อง ECU / เครื่องมือติดรถ / ช่องว่างไว้เก็บอะไรได้อีกนิดหน่อย

ส่วนอันนี้คือ ช่องเสียบอุปกรณ์ USB แบบ Type C กำลังไฟที่กำหนดไว้คือ 15 วัตต์ (5 โวลต์ 3 แอมป์)

ระบบช่วงล่างโช้คอัพหน้า Showa SFF-CA ขนาด 43 มม. ระยะยุบ 200 มม. สามารถปรับตั้งค่าพรีโหลดความแข็งได้ 7 รอบ นับจากรอบสปริงอ่อนสุด

และด้านหลังเป็นแบบโช้คเดี่ยวจาก Showa เช่นกันมีระยะยุบ 190 มม. ปรับตั้งค่าพรีโหลดของสปริงได้ 7 ระดับ

ชุดเบรกด้านหน้าดิสเบรกคู่ขนาด 310 มม. พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 2 พอต ขนาดยางหน้า 90/90 ล้อ 21 นิ้ว M/C (54H) แบบมียางใน

ด้านหลังเป็นดิสเบรกเดี่ยวขนาด 256 มม. พร้อมคาลิปเปอร์แบบ 1 พอต ขนาดยางหลัง 150/70 ล้อ 18 นิ้ว M/C (70H) แบบมียางใน

 

ข้อแนะนำแรงดันลมยาง ตามคู่มือ

(ขี่คนเดียว) หน้า 33 ปอนด์ หลัง 36 ปอนด์

(ซ้อนสองคน) หน้า 36 ปอนด์ หลัง 41 ปอนด์

 

ถ้าบรรทุกสัมภาระเทสไรเดอร์แนะนำ เพิ่มลมยางด้านหลังให้สัมพันธ์กับน้ำหนักที่ใส่เข้าไป ลองค่อยๆเพิ่มทีละ 1-2 ปอนด์

 

  • ระบบ ABS สามารถเลือก ปิด-เปิด ได้ที่ล้อหลัง

เครื่องยนต์ขนาด 755 ซีซี 2 สูบเรียง แบบ Parallel Twin 8 วาล์ว เกียร์ 6 สปีด กำลังสูงสุด 90.5 แรงม้า ที่ 9,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 75 นิวตันเมตร ที่ 7,250 รอบ/นาที 

 

สำหรับเครื่องยนต์ของ New XL750 Transalp ทางฮอนด้าแนะนำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องไว้ดังนี้

 

ความจุน้ำมันเครื่อง

– หลังถ่ายน้ำมันเครื่อง 3.4 ลิตร

– หลังถ่ายน้ำมันเครื่อง และเปลี่ยนไส้กรอง 3.6 ลิตร

– หลังผ่าเครื่อง 3.9 ลิตร

 

ความหนืด : SAE 10W-30 / มาตรฐาน JASO T903 : MA

 

รอบเดินเบาเครื่องยนต์ 1,300 + – 100 รอบต่อนาที / เบอร์หัวเทียน มาตราฐาน SILMAR8A9S (NGK)

 

ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 16.9 ลิตร

สิ่งสำคัญที่คนใช้รถมักมองข้ามไปคือ “คู่มือการใช้รถ” ก่อนเดินทางเปิดอ่านศึกษาข้อมูลทางเทคนิค และระบบอิเล็กทรอนิกส์สำคัญมากๆ จะได้ใช้รถได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย

การเดินทางวันที่ 1

 

ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ ประมาณช่วงสายๆเพื่อเลี่ยงรถติด ขี่แบบไม่ได้แวะพักจุดท่องเที่ยวเพราะคิดว่าจะให้ถึงปลายทางที่พัก จ.หนองคาย ก่อนค่ำมืด รวมระยะทางประมาณ 630 กม. มีเพียงแค่แวะเติมน้ำมัน กินข้าวกินกาแฟเท่านั้น

 

ช่วงออกจาก กรุงเทพฯ ยังไงก็ต้องเจอรถติดเป็นระยะๆแน่นอน เทสไรเดอร์ลองใช้โหมด Standard ทำความคุ้นเคยกับตัวรถไปก่อนรถ Honda New XL750 Transalp ถึงแม้จะมีน้ำหนัก 208 กก. แต่ด้วยความแรงของเครื่องยนต์ทำให้รู้สึกรถเบากว่าที่คิด

 

เทสไรเดอร์หนัก 65 กก. คนซ้อนหนัก 48 กล่องหลัง 65L ของหนักเต็ม + กระเป๋า 90L ของเบาเต็ม รวมๆแบกไป 160-170 กก. แรงบิดของเครื่องยนต์ทำได้ดีมาก ไม่มีอาการรอรอบ กดคันเร่งเป็นมาทันใจ นี้ขนาดใช้แค่โหมด Standard นะ และแล้วก็วาปมาถึง ด่านพรมแดนหนองคาย

 

แต่เดิมที่เทสไรเดอร์วางแผนไว้ กะว่าจะขี่ข้ามไปประเทศลาว แต่เอกสารทะเบียนรถกับป้ายทะเบียนทำไม่ทันออกทริป เลยต้องวางแผนใหม่ขี่วนรอบในประเทศไปก่อน

การเดินทางวันที่ 2

หลังจากถ่ายรูปเช็คอินกับหน้า ด่านพรมแดนหนองคาย แล้วก็ขี่รถเลาะริมโขงมายัง วัดผาตากเสื้อ เห็นว่าที่นี้มีจุดชมวิวไปถึงประเทศลาวเลยตั้งใจแวะสักหน่อยพร้อมไหว้พระด้วย ระยะทางประมาณ 100 กม.

 

ถ้าขี่เป็นเดอะแบกขนสัมภาระเหมือนย้ายบ้านแบบนี้ ช่วงล่างของรถ Honda New XL750 Transalp บอกเลยว่านิ่มนวลเกินไป ถึงแม้เทสไรเดอร์จะปรับเซ็ทโช้คหลังแล้วก็ตาม อาจจะต้องเปลี่ยนโช้คหลังเป็นพวก After Market แต่ถ้าขี่คนเดียวแล้วมือไม่หนัก ไม่ได้ไปลุยโดดเนินที่ไหน เน้นวิ่งทางดำเป็นหลักก็ถือว่าใช้ได้ ในพิกัดคนขี่ไม่เกิน 7-80 กิโลกรัม (ไม่มีคนซ้อน)

ช่วงขึ้นเขาไปยัง วัดผาตากเสื้อ บรรยากาศสองข้างทางยังคงความธรรมชาติ

แล้วอยู่ๆฝนก็ตกซะยังงั้น เทสไรเดอร์ก็เลยได้ลองปรับเป็นโหมด Rain เช็คการทำงานของระบบ Honda Selectable Torque Control (HSTC) ดูว่าจะรักษาอาการรถได้ดีแค่ไหน

 

ด้วยความที่ถนนยังคงความธรรมชาติอยู่ บางช่วงบางโค้งก็มีตะไคร้ทำให้พื้นถนนลื่นในบางจังหวะ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถถือว่าทำงานได้ดี ขี่ผ่านไปได้แบบไม่ต้องกังวลอะไร

จุดชมวิวริมแม่น้ำโขงในวัดผาตากเสื้อช่วงทางลง ฝั่งตรงข้ามที่เห็นข้ามแม่น้ำไปคือ ประเทศลาว มุมนี้สวยงามทีเดียว นั่งพักสูดอากาศถือเป็นการชาร์จพลังงานให้ตัวเองได้ดีมากๆ

ขากลับลงจากวัดก็จะมีจุดแวะให้ถ่ายรูปอีกมุมนึง สวยงามไม่แพ้กัน ตอนจอดอย่าลืมเข้าเกียร์ไว้นะเพราะเป็นทางลาดลงเนิน

จากวัดผาตากเสื้อ เราเดินทางไปบนถนนเลียบริมแม่น้ำโขง ขี่ไปมองดูวิวทางขวามือซะส่วนใหญ่ บรรยากาศสวยงามสุดๆ ถนนหมายเลข 211 เส้นนี้จะเรียกว่า พันโขดแสนไคร้ ห้วยขอบ คกเว้า ปากมั่ง สงาว ปากเนียม คกไผ่ วิ่งยาวๆเรื่อยจนถึง อ.เชียงคาน จ.เลย รวมระยะทางประมาณ 120 กม.

รูปภาพปกรีวิว Honda New XL750 Transalp ที่เห็นนี้ก็ถ่ายระหว่างทางถนนเส้น 211 เอารูปภาพนี้ให้ใครดู ทุกๆคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไปขี่ประเทศไหนมา!!” ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าประเทศไทยจะมีมุมสวยๆแบบนี้อยู่ด้วย ถ้าเราไม่มีโอกาสได้ออกไปค้นหา…ก็คงไม่เห็นความสวยงามแบบนี้

 

ระหว่างทางช่วงที่ลงไปถ่ายรูปช็อตนี้ เป็นพื้นทรายปนกับหินลอยรถก็ยังสามารถลุยไปได้แบบสบายๆด้วย ยางบริดจสโตน แบทแลค AT41 ฟิลยืนขี่นี้ก็มันส์ไปอีกแบบนะ…

และแล้วเราก็มาถึงที่พัก Chiangkhan River Green Hill (เชียงคาน ริเวอร์ กรีน ฮิลล์ รีสอร์ท) อ.เชียงคาน จ.เลย แวะพักรถพักคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอเวลาไปกินข้าวที่ ถนนคนเดินเชียงคาน

เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ คนมาเดินกันเยอะมากๆบางช่วงเรียกว่าต้องเบียดกันเลยทีเดียว ที่นี้มีอาหารพื้นเมืองให้ได้ลองชิมหลายอย่าง บางอย่างก็อร่อย บางอย่างก็อาจจะไม่ถูกใจในรสชาด แนะนำว่ากินทีละนิดเพราะเดินตั้งแต่หัวถนนถึงท้ายถนน ถ้ากินอย่างละเยอะๆเดี๋ยวกินไม่ครบทุกอย่าง 555+

ล่าสุดในปี 2024 เมืองเชียงคานได้คว้า รางวัลเหรียญเงิน “แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก” จาก Green Destinations เป็นแห่งแรกในอาเซียน โดยเป็นแห่งที่ 3 ของเอเชีย ซึ่งเชียงคานมีความโดดเด่นในด้านจัดการแหล่งท่องเที่ยวเมืองเล็กๆริมฝั่งโขงแห่งนี้ มีเสน่ห์อันงดงามโดยมี “ถนนชายโขง” เป็นจุดเด่นที่สำคัญพร้อมกับวัฒนธรรมพื้นบ้านของไทยควบคู่กันไปในการดำเนินชีวิต

รูปนี้เรียกได้ว่ามาถึงถิ่นของจริงต้องถ่ายกับคนที่แต่งชุดเรียกกันว่า ผีตาโขน ซึ่งเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในอำเภอด่านซ้าย จ.เลย เป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นในเดือน 7 ซึ่งมักจัดมากกว่าสามวันในบางช่วงระหว่างเดือนมีนาคม และ เดือนกรกฎาคม โดยจัดขึ้นในวันที่ได้รับเลือกให้จัดขึ้นในแต่ละปีโดย “คนทรง” ประจำเมือง ซึ่งเป็นงานบุญประเพณีพื้นบ้าน

 

หลังจากอิ่มจนเดินไม่ไหวแล้วก็กลับเข้าที่พัก รอเดินทางไป อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ในวันพรุ่งนี้

การเดินทางวันที่ 3

 
ฟ้ายังไม่ทันสว่างความโชคร้ายมาเยือนแต่เช้ามืด ฝนตกกระหน่ำตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง ได้แต่เปิดเต้นท์สูดอากาศฟอกปอดไปพลางๆ ในใจก็คิดว่าจะลุยฝนไป แต่เช็คเรดาร์ฝนแล้วเปลี่ยนแผนดีกว่า กลายเป็นต้องอยู่พักที่นี้ต่ออีกคืนหนึ่ง…

การเดินทางวันที่ 4

 

ออกจากที่พักในเชียงคาน เราปรับทริปใหม่โดยมุ่งหน้าไปที่ เขาค้อ แทนเพราะหมดเวลาไปกับฝนตก 1 วันเต็มๆ จากเชียงคานไปเขาค้อ ระยะทางประมาณ 250 กม. ใช้เวลาเดินทางอย่างเดียวไม่รวมแวะพัก 3 ชั่วโมง ถนนช่วงนี้เทสไรเดอร์ก็ปรับเปลี่ยนเป็นโหมด Sport แทน

ถ้าใครเป็นสายรถสปอร์ตคลาสพันซีซีมาก่อนจะประทับใจกับโหมด Sport ของ Honda New XL750 Transalp บอกเลยว่าขี่ได้บันเทิงมากๆ ออกไฟแดงกดเต็มคันเร่งล้อลอย สับสองล้อยังลอยอีก ขึ้นเขาทางชันไฮสปีดไปได้เหมือนรถสปอร์ตเลยนะ แปลกใจกับแรงบิดของเครื่องยนต์ Parallel Twin 8 วาล์ว แรงเอาเรื่องจริงๆ แรงตั้งแต่รอบต้นๆไหลยันปลายเลย

 

สำหรับยางติดรถเทสไรเดอร์เปลี่ยนไปใส่ ยางบริดจสโตน แบทแลค AT41 โดยรวมเกาะถนนได้ดี ไม่มีอาการลื่นหรือสไลด์ ช่วงโค้งบนเขาแบบไฮสปีดใส่ได้เต็มคันเร่งเลย สามารถเอียงรถได้ค่อนข้างลึกแบบมั่นใจ ท็อปสปีดช่วงทางตรง 190 กม./ชม. รถยังนิ่งไม่มีอาการ่อน จบทริปยางไม่มีรอยแตกหรือฉีกขาด ถือว่าสอบผ่าน

การเดินทางวันที่ 5

 

เรายังคงพักอยู่ที่เขาค้อ ซึมซับบรรยากาศความบริสุทธิของธรรมชาติและแวะนมัสการ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯในวันพรุ่งนี้

จริงๆเทสไรเดอร์ก็มีโอกาสได้มาที่ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หลายครั้งอยู่เหมือนกัน โดยส่วนตัวแล้วชอบเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะคนน้อยปลีกวิเวกเงียบดี เคยเดินจากที่พักลงมาที่วัดแล้วก็เดินกลับไปเหมือนกัน รอบนี้เอารถมาถ่ายรูปเช็คอินสักช็อต

ระยะทางจากเขาค้อถึงกรุงเทพฯ 400 โล ออกเดินทางแต่เช้าเพื่อให้เข้ากรุงเทพฯทันก่อนรถติดช่วงเย็น สำหรับทริปนี้เรียกได้ว่าประทับใจทั้งรถ Honda New XL750 Transalp และธรรมชาติของประเทศไทยในบางมุมบางพื้นที่ ที่ยังไม่เห็นสวยสุดๆจริงๆ…

บทสรุป

Honda New XL750 Transalp ถือว่าเป็นรถแอดเวนเจอร์ทางดำที่ครบเครื่องพอตัว จุดเด่นคือความแรงของเครื่องยนต์ ขนาดออกทริปแบกสัมภาระโอเวอร์โหลดยังวิ่งได้เกือบ 200 กม./ชม. รูปทรงดูทันสมัยไม่เทอะทะ ใช้ในเมืองก็มุดได้คล่องตัว เหมาะสำหรับสายสปอร์ตที่ต้องการ “รถแอดเวนเจอร์ในงบสี่แสนบาท”

 

 

ข้อดี

  • เครื่องยนต์ Parallel Twin 8 วาล์ว แรงเอาเรื่อง
  • ดีไซน์ทันสมัย กะทัดรัด คล่องตัว มุดง่าย
  • ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทันสมัย

ข้อแนะนำ

  • ช่วงล่างนุ่มนวลไปหน่อย
  • ไม่มีระบบ ครูสคอนโทรล

มีสีให้เลือกทั้งหมดสี 

  • สีขาว (Ross White) – 394,000 บาท
  • สีดำ (Mat Ballistic Black Metallic) – 389,000 บาท
  • ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นตัวแทนจำหน่าย
  • ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
  • ราคาวางจำหน่าย ณ เดือนตุลาคม 2566

 

สนใจสั่งซื้อ / สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  Honda BigWing

อ่านข่าว Reviews เพิ่มที่นี่

อ่านข่าว Honda เพิ่มที่นี่


 

เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่

Website : motowish.com 

Facebook : facebook.com/motowish



ห้ามคัดลอกบทความหรือเนื้อหาในเว็บ Motowish