รีวิว Honda New CBR600RR 2021 ปลุกความเรซซิ่งในตัวคุณอีกครั้ง!!
ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวลือว่าทางฮอนด้า จะยกเลิกสายการผลิตรถรุ่น CBR600RR แต่กลับมาขึ้นไลน์ผลิตใหม่อีกครั้ง พร้อมทั้งปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในหลายๆจุด รวมทั้งใส่เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพิ่มเข้าไปอีก ทำให้การกลับมาครั้งนี้ของ Honda New CBR600RR เรียกได้ว่า “ไม่ธรรมดา”
พื้นฐานการออกแบบ
รหัสรถรุ่น CBR600RR เทสไรเดอร์ได้มีโอกาสขี่ตั้งแต่สมัยรถ invoice สมัยนั้นจะใช้ชื่อรุ่นว่า CBR600F4 น่าจะราวๆปี 1999-2000 (ถ้าจำไม่ผิด) มีเก่ากว่านั้นอีกนะแต่ไม่มีโอกาสได้ขี่ รถสมัยนั้นรูปทรงก็จะอวบอ้วนเล็กน้อย ท่อไอเสียออกข้างตัวรถ โช้คหน้ายังไม่ใช่ USD เหมือนในปัจจุบัน ฟิลลิ่งช่วงล่างก็จะนุ่มนวลไปทั้งคัน แรงม้าหวานเย็นที่ 94 ตัว แต่ท็อปสปีดสามารถกดทะลุเลข 240 กม./ชม. ไปได้อีกนิสหน่อย แต่ก็ต้องใช้ระยะทางพอสมควร หลังจาก CBR600F4 ก็ได้ปรับรหัสโมเดลมาเป็น “RR” โดยส่วนตัวมีโอกาสได้ขี่ CBR600RR อยู่หลายครั้งจะอธิบายเปรียบเทียบในช่วงเทสรีวิวอีกทีแล้วกัน
รูปลักษณ์ภายนอก
ตัดภาพมาที่ New CBR600RR 2021 รุ่นใหม่ล่าสุด ดูภายนอกเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงสักเท่าไร แต่ที่จริงแล้วปรับปรุงไล่กันตั้งแต่ เครื่องยนต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เปลี่ยนดีเทลปลีกย่อยในบางส่วนอีก น้ำหนักตัวรถ 181 กิโลกรัม (Dry Weight) ความสูงจากพื้นถึงเบาะนั่ง 822 มิลลิเมตร (เทสไรเดอร์ความสูง 170 ซม. ฝ่าเท้าเหยียบพื้นได้ครึ่งฝ่าเท้า ตอนใส่รองเท้าบูทพร้อมชุดแข่ง)
มิติตัวรถ กว้าง 685 มล. ยาว 2,030 มล. สูง 1,140 มล. ส่วนระยะความกว้างฐานล้อ 1,375 มล. มีการจัดวางอุปกรณ์ให้ตำแหน่งใกล้จุด CG เพื่อการบาลานซ์รถที่ดีขึ้นกว่ารุ่นเก่า
ระบบไฟส่องสว่างจัดเต็มไม่มีกั๊กมาแบบ Full LED เต็มระบบทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็น ไฟสูง-ต่ำ ไฟท้าย ไฟเลี้ยว (อยู่ด้านข้างเรือนไมล์ ถอดได้ง่ายดายเมื่อต้องการนำรถไปงานแทรคเดย์) สังเกตช่องแรมแอร์ด้านหน้าขนาดใหญ่เพื่อการดูดอากาศและทำแรงม้าได้สูงสุด
Winglet วิงเล็ท ของมันต้องมีสำหรับรถ พ.ศ.นี้ วิงเล็ท ช่วยสร้างแรงกดอากาศให้ช่วงหน้ารถยึดเกาะพื้นที่ความเร็วสูง
ตำแหน่งการขับขี่ดีไซน์ใหม่ ด้วยการลดขนาดฝาครอบถังน้ำมันลงทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ด้านบนถังน้ำมันเพิ่มร่องตรงกลาง เพื่อการหมอบที่ความเร็วสูง ลดแรงเสียดทานของหลักอากาศพลศาสตร์ (ค่า CD) ความจุถังน้ำมันขนาด 18 ลิตร
ที่มาของคำว่า “ท่อออกตูด” คงความเอกลักษณ์ CBR600RR โดนรุ่นนี้ได้ปรับขนาดท่อไอเสียให้ใหญ่ขึ้นเพื่อการระบายไอเสียในช่วยรอบสูง
Quick Shifter (ควิกชิพเตอร์)
เปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัทช์ ใช้ได้ทั้งงัดขึ้นและตบลง ปรับค่าความแข็ง-อ่อน ได้ 3 ระดับโปรโมชันพิเศษ สำหรับลูกค้า 50 คันแรก รับฟรี!! (ออฟชั่นเสริม ในรูปยังไม่ได้ติดตั้ง)
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ขนาด 599 ซีซี 4 สูบเรียงแบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดลูกสูบและช่วงชัก 67 x42.5 มล. อัตราส่วนกำลังอัด 12.1 : 1 ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 14,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 64 นิวตันเมตร ที่ 11,500 รอบ/นาที มาพร้อมระบบ Assist Slipper Clutch (สลิปเปอร์คลัทช์) ลดอาการล้อหลังล็อคเมื่อเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูง
ส่วนสำคัญในเครื่องยนต์ที่ปรับปรุงใหม่ คือ ลิ้นปีกผีเสื้อ ขยายขนาดจากเดิม 40 มิลลิเมตร เพิ่มเป็น 44 มิลลิเมตร และเพิ่มทางเดินระบบน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์เพื่อรีดประสิทธิภาพสูงสุด และยังเปลี่ยนมาใช้หัวฉีดแบบคู่เพื่อการจ่ายน้ำมันได้เต็มประสิทธิภาพในทุกรอบเครื่องยนต์ พร้อมทั้งเปลี่ยนหัวเทียนแบบยาว เพื่อการจุดระเบิดที่ดีกว่ารุ่นเก่า 2.2%
ระบบกันสะเทือน
โช้คอัพหน้าแบบ Up Side Down ขนาด 41 มิลลิเมตร ยี่ห้อ Showa รุ่น BPF ลูกสูบโช้คขนาดใหญ่สเปคไม่น้อยหน้าคลาสพันซีซี สามารถปรับตั้งค่าได้เต็มระบบ
โช้คอัพหลังทำงานร่วมกับ Unit Pro Link สไตล์ฮอนด้า
กันสะบัดไฟฟ้า HESD (Honda Electronic Steering Damper)
ติดตั้งซ่อนอยู่ใต้ถังน้ำมัน ยังคงใช้พื้นฐานจากรุ่นก่อนแต่เพิ่มประสิทธิภาพดีขึ้น ปรับความหนืดตามความเร็วรถด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เวอร์ชั่นล่าสุด คล่องแคล่วที่ความเร็วต่ำ และเพิ่มความหนืดมากขึ้นที่ความเร็วสูงได้ในทันที
ระบบเบรก
เบรกหน้า คาลิปเปอร์ล่างแบบเรเดียลเม้าท์ ยี่ห้อ Tokico แบบ 4 ลูกสูบ พร้อมจานเบรกแบบ ขนาด 320 มิลลิเมตร และระบบเบรก ABS
เบรกหลัง คาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยวน้ำหนักเบา ยี่ห้อ Tokico พร้อมจานเบรก ขนาด 220 มิลลิเมตร และระบบเบรก ABS
ล้อและยางติดรถ
ล้อแม็กซ์ลาย 12 ก้าน เปลี่ยนรูปแบบใหม่คล้ายกับรุ่นพี่ CBR1000RR-R ยางหน้าขนาด 120/70ZR17 M/C (58W) ยางหลังขนาด 180/55ZR17 M/C(73W) ยี่ห้อ Dunlop รุ่น Sportmax Roadsport 2 เป็นยางสปอร์ตสำหรับถนน
ระบบอิเล็คทรอนิกส์
หน้าจอแสดงผลแบบ TFT LCD ปรับความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติ ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ RC213V-s โดยแถบแสดงผลด้านบนแสดงรอบเครื่องยนต์ เรดไลน์เริ่มต้นที่ 15,000 รอบต่อนาที ไปสุดที่ 17,000 รอบต่อนาที
เลือกแสดงผลหน้าจอได้ 3 แบบ คือ
Street Mode – ใช้สำหรับบนท้องถนน
Circuit Mode – ใช้สำหรับในสนาม สามารถจับเวลาต่อรอบสนาม มีตัวเลขบอกชัดเจน
Mechanic Mode – วิเคราะห์ข้อมูลรถขั้นสูง
P = Power (ปรับตั้งกำลังของเครื่องยนต์ได้ 5 ระดับ)
T = Traction (ปรับตั้งแรงบิดของล้อหน้า-ล้อหลัง ได้ 9 ระดับ)
W = Wheelie Control (ปรับตั้งอาการล้อหน้ายกได้ 3 ระดับ)
EB = Engine Brake (ปรับตั้งแรงดึงของเครื่องยนต์ได้ 3 ระดับ)
NA = ปรับตั้งได้เอง
Riding Mode เลือกตั้งค่าการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ และ User Mode อีก 2 โหมด คือ
Mode 1 – Racing – เร็วแรงที่สุด
Mode 2 – Standard – ขับขี่แบบปกติ
Mode 3 – Rain – ควบคุมอย่างมั่นใจ
User 1 – ปรับตั้งค่าอิสระ
User 2 – ปรับตั้งค่าอิสระ
ระบบคันเร่งไฟฟ้า (TBW – Throttle by Wire)
สามารถเลือกกำลังของเครื่องยนต์ขณะขับขี่ได้ 5 ระดับ โดยไม่ต้องจอดรถ Level 5 ระดับนุ่มนวล —> Level 1 ระดับสปอร์ต (แรงสุด)
ระบบ 5 Motion IMU Sensor ยี่ห้อ Bosch คำนวนผ่าน Algorithm ของฮอนด้า
- ตรวจจับการเคลื่อนที่ของตัวรถแบบ 3 มิติ
- ทำงานร่วมกับระบบเบรก หน้า-หลัง
- ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS
- ทำงานร่วมกับระบบ Wheelie Control (ยกล้อหน้า)
- ป้องกันล้อหลังยกกระทันหัน เมื่อใช้เบรกหน้าแบบเต็มที่
- ควบคุมกำลังเครื่องยนต์ และ แรงเบรกให้เหมาะสม
- ช่วยวิเคราะห์การเอียงของตัวรถขณะเข้าโค้ง
TEST TEST : 1
โดยการทดสอบรถ Honda New CBR600RR 2021 ครั้งนี้จัดเทสกันที่ สนามช้างฯ เซอร์กิต เช่นเคย มีรอบให้ได้ทดสอบกัน 2 รัน และรอบพิเศษ Track Xperience อีก 1 รัน
เริ่มทดสอบรันแรกช่วงเช้าอากาศในสนามช้างฯ วันนี้ค่อนข้างเย็นอุณหภูมิภายนอกประมาณ 22 องศา ส่วนอุณหภูมิผิวแทรคไม่ทราบนะ 555+ เอาเป็นว่าปรับตัวให้ชินกับรถและวอร์มยางกันก่อน มีเวลารันละ 20 นาที
สัมผัสแรกกับรถ New CBR600RR 2021 ตัวรถให้ความรู้สึกที่เบามากๆ ไม่ต้องใช้กำลังของคนขี่เยอะเหมือนรถคลาสพันซีซี พูดง่ายๆว่า “ขี่ไม่เหนื่อย” ทุกจังหวะของการขี่ให้การควบคุมที่ง่ายดายไปหมด ไม่ว่าจะเป็นจังหวะก่อนเลี้ยวเข้าโค้ง กดคันเร่งมาแบบล้นๆ เบรกหนักๆแก้อาการรถเล็กน้อยก็เลี้ยวเข้าไปในโค้ง พร้อมเปิดคันเร่งออกจากโค้งได้อย่างง่ายดาย “เห้ยย ทำไมมันง่ายอย่างนี้!!” รถขี่สนุกจนรันแรกหมดไปอย่างรวดเร็ว
TEST TEST : 2
การตอบสนองของเครื่องยนต์
มาต่อกันที่รันสอง เครื่องยนต์ในรถซุปเปอร์สปอร์ตพิกัด 600 cc. ส่วนมากทุกยี่ห้อเวลาขี่จะต้องเลี้ยงรอบเครื่องไม่ต่ำกว่า 7-8,000 รอบ/นาที ถึงจะมีแรงบิดให้เรียกใช้ในทันทีเวลาเปิดคันเร่ง แรงบิดของเครื่องยนต์ถึงจะดึงต่อเนื่องไปจนถึงเรดไลน์ซึ่ง New CBR600RR เทสไรเดอร์ แนะนำให้เตะเปลี่ยนเกียร์ที่ช่วงประมาณ 13,000 – 13,500 รอบ/นาที รอบจะต่อเนื่องมากที่สุด พอเริ่มปรับตัวกับรถได้ก็เริ่มเอียงรถในโค้งมากขึ้น ใช้คันเร่งได้เต็มที่มากขี้น จังหวะช่วงไหลเข้าไปในโค้งอย่างที่บอกว่าต้องกะจังหวะรอบเครื่องไว้ที่ 7-8,000 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ ให้ความรู้สึกว่ามีแรงบิดต่อเนื่องที่มากกว่ารุ่นเก่า การขี่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆก็ไม่มีอาการรอบตก ยังคงให้แรงบิดอย่างสม่ำเสมอทุกย่านความเร็ว ช่วงสุดทางตรงสนามช้างฯ ระยะทาง 1 กิโลเมตร เทสไรเดอร์ไล่ความเร็วได้ถึงเกียร์ 6 หน้าจอขึ้นตัวเลขความเร็วประมาณ 238 กม.ชม. แต่ยังไม่สุดเกียร์ 6 ก็ถึงระยะที่ต้องเบรกแล้ว (ในรูปนี้เป็นช่วงออกโค้ง 11)
Assist Slipper Clutch (สลิปเปอร์คลัทช์) ให้ความรู้สึกได้สมูทนุ่มนวล ถึงแม้จะเปลี่ยนลดเกียร์แบบรวดเร็วติดกันหลายๆเกียร์ ก็ยังเก็บอาการได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้การขี่แบบยกคันเร่งลึกๆช่วงสุดทางตรง ไหลเข้าไปได้ลึกกว่าเดิม
ระบบเบรก
ระบบเบรกของ New CBR600RR แทบจะเรียกได้ว่าให้มาเหมาะสมกับตัวรถ คือแทบจะไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย ช่วงสุดทางตรงสนามช้างฯ เทสไรเดอร์กดคันเร่งมาเต็มข้อ วิ่งทะลุป้ายระยะ 200 เมตร เข้าไปเบรกก่อนป้าย 150 เมตร ระบบเบรกยังเอารถอยู่ได้แบบ คนขี่งงๆว่าเบรกอยู่ได้ไง!! เป็นเพราะระบบ ABS นั้นทำงานร่วมกับระบบ IMU Sensor ช่วยควบคุมแรงดันเบรกตามองศาการเลี้ยวด้วย
บางคนอาจจะแย้งว่า ไม่เบรกให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเลี้ยวละ…?? คือการขี่รถสไตล์แบบแข่งขันสมัยนี้ นักแข่งแทบทุกคนเบรกเข้าไปในโค้งแล้วน้าาาา!!
ส่วนใครที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเบรกให้ดีขึ้น แนะนำเปลี่ยนปั้มเบรกตัวบนและสายถักอีกชุดเป็นอันจบ!! ทีนี้ถามใจตัวเองดูก่อนว่าจะเบรกตรงระยะป้ายไหนดี 555+ ไม่ไหวบอกไหว…
ระบบกันสะเทือนและช่วงล่าง
ที่โค้ง 4 ของสนามช้างฯ คือโค้งที่เรียกว่า “ไฮสปีด” ที่สุดของการวัดใจคนขี่ และวัดระบบช่วงล่างรวมทั้งการเซ็ตติ้งของรถ เทสไรเดอร์ใส่เกียร์ 5 ช่วงทางตรง ก่อนถึงจุดเลี้ยวเชนเหลือเกียร์ 4 และแตะเบรกหน้าเล็กน้อย ค่อยเลี้ยวเข้าโค้ง จังหวะนี้โช้คหลังมีอาการเล็กน้อยแต่ก็ยังสามารถควบคุมรถได้ง่ายดายอยู่ อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับเซ็ตโช้คกันอีกที
ไหลเข้าโค้งไปแบบนิ่งๆ มีเวลาแอคชั่นให้ถ่ายรูปได้แบบหล่อๆเลย
โค้งเช็คอินสนามช้างฯ โค้งที่ 12 เรียกได้ว่าเป็นโค้งที่ใช้เบรกหน้าหนักไม่แพ้โค้ง 3 แต่การยุบตัวของโช้คหน้านั้นมากกว่าโค้ง 3 อีก เพราะต้องเข้าโค้งด้วยความเร็วที่ต่ำกว่าเล็กน้อย จังหวะนี้มาด้วยเกียร์ 4 เชนเกียร์ลงก่อนเข้าโค้งด้วยเกียร์ 1 โช้คหน้า Showa BPF รับจบอาการได้แบบเนียนๆ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนโช้คให้เปลืองเงิน เพียงแต่คุณต้องเซ็ตติ้งให้เป็นแค่นั้น!!
ระบบอิเล็คทรอนิกส์
คันเร่งไฟฟ้า TBW – Throttle by Wire ช่วยให้การเปิดคันเร่งออกจากโค้งเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่คุณคอนโทรลรถให้อยู่ในไลน์ ถึงหัว apex เตรียมตั้งรถตรงแล้วกดคันเร่ง “เต็มข้อ” รถ New CBR600RR ก็พาคุณออกจากโค้งได้ในทันที ไม่ต้องมีอาการ “กล้าๆกลัวๆ” อมคันเร่งเหมือนรถคลาสพันซีซี
ระบบ 5 Motion IMU Sensor
การขี่ทำเวลาในสนามแข่ง การตั้งค่าระบบ W = Wheelie Control (ยกล้อหน้า) จะช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องเสียเวลาและเสียจังหวะในการเลี้ยงล้อหน้า เพราะบางโค้งเดินคันเร่งรอบเครื่องกำลังมาแบบเต็มๆ เปิดคันเร่งออกจากโค้งแล้วมี “อาการเงิบหงาย” ถ้าคนขี่ทักษะไม่สูงคือเสียเวลาแน่นอน
“การปรับให้ล้อหน้ายกน้อยที่สุดจะช่วยให้คุณไปได้เร็วที่สุด” ซึ่งระบบ Wheelie Control ของ New CBR600RR ใช้ได้อย่างดีเยี่ยม ต้องยกความดีให้ IMU Sensor และ Algorithm ของฮอนด้า
ยางติดรถ
ยี่ห้อ Dunlop รุ่น Sportmax Roadsport 2 เป็นยางสปอร์ตสำหรับถนน ความนิ่มแข็งของเนื้อยางให้ฟิลลิ่งการเกาะผิวแทรคอยู่ในระดับกลางๆ ถ้าเปิดคันเร่งออกจากโค้งเร็วๆยางหลังจะออกอาการเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถควบคุมได้อยู่ หากต้องกดเวลาในสนามแนะนำยางซอฟ คอมพาวด์ จะดีกว่า แต่ถ้าเน้นขี่ถนนบ่อยนานๆขี่สนามที ยางตัวนี้ก็ถือว่าเหมาะสมอยู่แล้วไม่ต้องเปลี่ยนให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
*หมายเหตุ เนื่องจากในรูปที่ทดสอบรถจะใส่ยาง Pirelli Diablo Rosso SP แต่ทางทีมงาน Motowish มีรถทดสอบอีกคันที่เป็นยาง Dunlop ติดรถ
เพิ่มเติมในส่วนของการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง New CBR600RR แนะนำ
- เปลี่ยนถ่ายทั่วไปใช้ปริมาณ 2.7 ลิตร
- เปลี่ยนพร้อมไส้กรอง ใช้ปริมาณ 2.8 ลิตร
- ผ่าเครื่องยนต์ ใช้ปริมาณ 3.5 ลิตร
บทสรุป Honda New CBR600RR 2021
“รถซุปเปอร์สปอร์ตพิกัด 600 cc. ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดในตอนนี้ และยังคงความเป็นฮอนด้า คือ เป็นมิตรกับคนขี่ แต่บทจะขี่แบบโหดๆก็พร้อมจะพาคุณกระโดดไปได้ดั่งใจ”
ข้อดี
- เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดี ทั้งแรงบิดและความเร็ว
- ระบบ IMU Sensor ช่วยให้การขี่รถเป็น “เรื่องง่าย”
- คันเดียวจบได้ทั้งบนถนนและในสนาม
ข้อแนะนำ
- กุญแจรถน่าจะเป็นแบบ Immobilizer
New CBR600RR โปรโมชันพิเศษ สำหรับลูกค้า 50 คันแรก รับทันที Quick Shifter ออฟชั่นเสริมการขับขี่จากฮอนด้า พร้อมสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรม Honda Track Xperience จำนวน 4 ครั้ง ภายใน 2 ปี
- ราคาแนะนำ 549,000 บาท
- มีสีให้เลือกเพียงสีเดียว : สีแดง (Grand Prix Red)
- ราคาวางจำหน่าย ณ เดือนพฤศจิกายน 2563
- ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นตัวแทนจำหน่าย
- ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
- ค้นหาตัวแทนจำหน่าย Honda Bigwing เพิ่มที่นี่
VDO : รีวิว Honda New CBR600RR 2021 ปลุกความเรซซิ่งในตัวคุณอีกครั้ง!!
MotoWish ขอขอบคุณ
บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด : สำหรับการเข้าร่วมทดสอบรถ
149 ถ.รถรางเก่า ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130 โทร. (02) 757-6111
Nitek Helmet 2 Power : หมวกเท่ๆสำหรับสายซิ่ง
146/2 ซ.ศูนย์วิจัย 14 ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทร. 081-823-0181 , 099-640-0592
> ผู้ทดสอบ : @Rider 69
อ่านข่าว Reviews เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว Honda เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish