รีวิว Honda CB150R ให้ทุกอารมณ์ของการเดินทางเป็น “เรื่องสนุก”
Modern Cafe ตัวใหม่จากค่ายฮอนด้าที่เรียกกระแสบนโลกออนไลน์ได้อย่างกว้างขวาง กับการเปิดราคาที่หลักแสนบาทบวกลบแล้วแต่รุ่น ทำให้บรรดาคอไบค์เกอร์ต้องการอยากรู้ข้อมูลและประสิทธิภาพของรถ New CB150R 2017 ว่าจะดีอย่างที่ค่ายปีกนกโปรโมทหรือไม่ ตามทีมงานไปพิสูจน์กัน…
พื้นฐานการออกแบบ
ก่อนที่จะไปชมบททดสอบในเวอร์ชั่นสนามและเวอร์ชั่นถนนนั้น ทีมงานพาไปเจาะลึกถึงพื้นฐานการออกแบบ และความตั้งใจของฮอนด้าที่ต้องการให้ Honda CB150R เป็นที่สุดของรถพิกัด 150 cc. Modern Café บอกเลยว่าไม่ธรรมดาแน่นอน !!!
จากการผสมผสานความคิดระหว่างญี่ปุ่น และกลุ่มเป้าหมายของไบค์เกอร์ชาวไทยส่วนหนึ่งที่ต้องการรถสไตล์ Modern Café ซึ่งทางฮอนด้าเองเล็งเห็นว่าไหนๆจะทำทั้งทีแล้ว “ขอสุด” แบบจัดเต็มด้วยอุปกรณ์สไตล์บิ๊กไบค์ไปเลยดีกว่า โดยรถ Honda CB150R ได้มือพระกาฬในการพัฒนารถคือ คุณ Yuzaru Ichikawa มีตำแหน่ง Large Project Leader ซึ่งผลงานที่ผ่านมือมาแล้วนั้น สามารถการันตีได้ถึงความยอดเยี่ยม ได้แก่ CBR1000RR หลายๆโมเดล , สุดยอดรถโปรโตไทป์แชมป์โลกรหัส RC211V , และรถแข่งเวอร์ชั่นถนนอันลือลั่นอย่าง RC213V-s ราคา 8.7 ล้านบาท
จากภาพจะแสดงให้เห็นถึงหลักการออกแบบเรื่องของ “การรวมมวลสู่จุดศูนย์ถ่วง” ของตัวรถรวมถึงตัวผู้ขับขี่ จะถูกจัดให้อยู่ภายในลักษณะแบบสามเหลี่ยม คือ ศรีษะผู้ขับขี่ ล้อหลัง ล้อหน้า โดยน้ำหนักรวมทั้งหมดจะตกลงตรงกึ่งกลางของผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้รถนั้นมีการคอนโทรลที่ดี บาลานซ์น้ำหนักได้ดี ดังเช่นรถแข่ง MotoGP นั้นเอง
ส่วนการดีไซน์ตัวรถเป็นฝีมือของ คุณ Nattapat Janyapanich จาก Honda R&D Southeast Asia โดยลักษณะการออกแบบรถ Honda CB150R เน้นความต้องการไปที่ “ผู้ซื้อรถสามารถไปต่อยอดความคิดของตัวเองได้”
รูปลักษณ์ภายนอก
เฟรมออกแบบใหม่เป็นลักษณะโครงถักที่เรียกว่า Inner Pivot Type Daimond Frame ทำให้โครงตัวถังมีความแข็งแรงและน้ำหนักเบากว่า CBR150RR ถึง 14 กิโลกรัม (CBR150RR : 138 กก.) (CB150R : 124 กก.)
เครื่องยนต์ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่แบบ Roller Rocker Arm ลูกสูบเคลือบสาร โมลิบดีนั่ม เพลาข้อเหวี่ยงเพิ่มระยะชักขึ้นจากรุ่นเก่า 47.2 มิลลิเมตร เป็นระยะ 57.84 มิลลิเมตร ให้อัตราแรงบิดได้ดีตั้งแต่รอบต่ำจนถึงรอบสูง อัตราเร่งต่อเนื่องทุกย่านความเร็ว ผ้าคลัทช์เพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสจากเดิมอีก 11% เพื่อถ่ายทอดกำลังส่งผ่านแรงบิดได้ดีกว่ารุ่นก่อน ท่อไอเสียออกแบบให้สั้นและอยู่ใต้ล่างทำให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำ เพื่อการเข้าโค้งและการคอนโทรลรถได้ดีขึ้น
หน้าจอเรือนไมล์แบบ Full LCD Multifunction Meter พร้อมชิฟไลท์ (ไฟตรงกลางด้านบนสุด) ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเซ็ทค่าให้เตือนเปลี่ยนเกียร์รอบที่เท่าไรก็ได้ ถูกใจสายรีดม้าเป็นอย่างยิ่ง รอบเครื่องเรดไลน์เริ่มต้นกันที่ 10,500 รอบ เป็นต้นไป
โพซิชั่นและขนาดของแฮนด์นั้นมาในสไตล์บิ๊กไบค์ “แฮนด์อ้วน” ขนาด 28.6 มิลลิเมตร แบบเดียวกับรุ่นพี่สายลุย Africa Twin ความกว้างที่มีทำให้การบังคับและการควบคุมรถเป็นไปอย่างง่ายดาย สวิทช์ต่างๆมีมาให้ครบถ้วน ยกเว้นปุ่มกด “แตร” หากใครไม่คุ้นเคยกับรถฮอนด้า เวลาจะบีบแตรอาจเผลอไปกดปุ่มไฟเลี้ยวก็เป็นได้ ก็ใช้เวลาปรับตัวกันสักเล็กน้อย
ไฟหน้าแบบ Full LED ทรงกลมสวยงามตรงแนวคาเฟ่ ไฟท้ายและไฟเลี้ยวแบบ LED ครบทั้งระบบ
ถังน้ำมันความจุ 8.5 ลิตร ดีไซน์เจาะช่องโลโก้ Honda ดูสวยงามแปลกตา พร้อมตำแหน่งแบตเตอรี่ อยู่ด้านหน้าใต้ถังน้ำมัน / หน้าตาของกุญแจ CB150R 2017 และฝาถังน้ำมันแบบ Airplane tank Cap คือ มีแกนล็อคฝาน้ำมันไว้ ทำให้ไม่ต้องยกทั้งฝาออกเวลาเติมน้ำมัน
ระบบกันสะเทือน
โช้คอัพหน้าแบรนด์ดังนาม SHOWA ที่สายแต่งรถบ้านเราคุ้นเคยกันดี ตัวนี้พื้นฐานมาจากรถซุปเปอร์สปอร์ตรุ่น CBR600RR โดยยกชุดใหญ่แบบ USD ขนาด 41 มิลลิเมตร จากตัวลุย X-ADV มาใส่ไว้ในรถคลาส 150 CC. ได้ยังไง…จะเห็นได้ว่านี้เป็นชิ้นส่วนจากรถคลาสบิ๊กไบค์แท้ๆ รุ่นใหญ่อย่าง CB650 และ CBR500 ยังต้องหันมองขวับ
โช้คหลังแบบ Mono Shock วางมุมองศารับกับเฟรมรถ พร้อมด้วยสวิงอาร์มสเตป Light Weight (น้ำหนักเบา) เพื่อการตอบสนองที่ดีกว่ารถทั่วไป
เบรคหน้า : แบบเรเดียลเมาท์ 4 พอต Nissin ดิสก์เบรคขนาด 296 มิลลิเมตร ไม่ต้องไปหาซื้อของแต่งและขาแปลงมาใส่ให้วุ่นวายปวดตับอีกต่อไป / เบรคหลัง : คาลิปเปอร์ 1 พอต Nissin ดิสก์เบรคขนาด 220 มิลลิเมตร ( ABS หน้าและหลังพร้อมระบบ G Sensor มีเฉพาะในรุ่น CB150R ABS )
สเป็ค Honda CB150R 2017
เครื่องยนต์ : 1 สูบ 4 วาล์ว 149 ซีซี หัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ
กำลังอัด : 11.3 : 1
ครัชท์ : ครัชท์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน
เกียร์ : 6 สปีด
ขับเคลื่อน : โซ่
กันสะเทือนหน้า : โช้คแบบ Up Side Down ขนาด 41 มิลลิเมตร
กันสะเทือนหลัง : โช้คอัพเดี่ยวปรับระดับได้
เบรคด้านหน้า : เรเดียลเมาท์ 4 พอต ขนาด 296 มิลลิเมตร (พร้อมระบบ ABS ในรุ่น ABS)
เบรคด้านหลัง : ดิสก์เบรคขนาด 220 มิลลิเมตร (พร้อมระบบ ABS ในรุ่น ABS)
ยางหน้า : 110/70 R 17 แบบจุ๊บเลส
ยางหน้า : 150/60 R 17 แบบจุ๊บเลส
มิติรถ : กว้าง 822 มม. / ยาว 1,973 มม. / สูง 1,053 มม.
ระยะฐานล้อ : 1,296 มิลลิเมตร
ความสูงเบาะ : 795 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถเปล่า : 123 กิโลกรัม / รุ่น ABS น้ำหนัก 125 กิโลกรัม
ถังน้ำมัน : 8.5 ลิตร
TEST TEST พาออกไปชิคๆ ชิวๆ ถิ่นวัยรุ่นกัลลล
การคอนโทรล
ทันทีที่กดปุ่มสตาร์ท เสียงเครื่องยนต์ที่ผ่านออกจากท่อไอเสีย ดูเสนาะหูผิดไปจากเครื่องยนต์พิกัด 150 cc. ที่เคยมีมา มันเป็นเสียงทุ้มที่ นุ่มนวล ติดกลิ่นอายสไตล์บิ๊กไบค์อยู่เล็กน้อย โพซิชั่นท่านั่งของตัวรถตามสไตล์รถแบบ Naked ทั่วไป ตำแหน่งของแฮนด์ค่อนข้างกว้าง ทำให้การบังคับควบคุมตัวรถเป็นเรื่องง่าย แต่ก็แลกกับบางจังหวะของช่วงรถติดที่จะมีความรู้สึกว่า “แฮนด์จะกว้างไปไหม๊” แต่ก็ใช้ทักษะในการโยกรถหลบได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
และแล้วทีมงานก็วาปปมาถึงถิ่นวัยรุ่น สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้แบบรู้สึกประหลาดใจในทันทีที่รถออกตัวไปแล้วคือ “รถเบามาก” ทำให้การขับขี่เดินทางฝ่าการจราจรในเมืองหลวงไม่ได้รู้สึกเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เทสไรเดอร์กับเจ้ารถ CB150R เข้ามือรู้ใจกันได้อย่างรวดเร็ว เสมือนประหนึ่งคุ้นเคยกันมาเป็นแรมปี
ถนนไม่มีทางม้าลาย แต่น้องพอจะมีไลน์ไหม๊ครัช แฮร่ !!! ถึงจะเป็นแนว โมเดิร์น คาเฟ่ แต่ก็ถูกใจวัยรุ่นเหมือนกันนะ
ความสูงจากพื้นถึงเบาะนั่งมีระยะความสูงที่ 795 มิลลิเมตร เทสไรเดอร์สูง 170 เซนติเมตร วางได้เต็มฝ่าเท้าสบายๆ
การตอบสนองของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ให้แรงบิดได้ดีตั้งแต่รอบต่ำ ทันทีที่ปล่อยคลัทช์ออกตัวจากไฟแดง รถพุ่งออกไปในทันทีทันใด จนถึงรอบปลายๆแรงบิดถึงจะสโลว์ลง เทสไรเดอร์เปลี่ยนเกียร์ 2 -> 3 -> 4 เครื่องยนต์และชุดเกียร์ให้การตอบสนองต่อเนื่องได้ดี “ขี่สนุก” อย่างสโลแกนที่ฮอนด้าชูจุดขายไว้จริงๆ แต่ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่ารถ CB150R ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ตรงจุดนี้ ไม่ได้เน้นในเรื่องของการทำท็อปสปีดเพราะไม่ใช่รถแนวสปอร์ตสุดตัว
Test บนสนามทดสอบ Honda R&D Asia Pacific
ระบบกันสะเทือนและช่วงล่าง
บนสนามทดสอบมูลค่า 1,700 ล้านบาท ของฮอนด้าซึ่งมีรูปแบบของสนามทดสอบถึง 8 รูปแบบ โดยรูปแบบสนาม Oval Course เป็นสนามลักษณะไฮสปีดรูปวงรี เทสไรเดอร์ได้ลองทดสอบกดคันเร่งเต็มพิกัด CB150R โดยสาดเข้าโค้งไปแบบไม่ยกคันเร่งเพื่อดูระบบช่วงล่างว่าจะเอาอยู่หรือไม่ ผลปรากฏว่า ช่วงล่างให้การเกาะผิวแทรคชนิดที่เรียกอารมณ์ฟิลลิ่งเช่นเดียวกับรถบิ๊กไบค์เลย นิ่ง นุ่ม หนึบ ส่วนการทำท็อปสปีดที่ทดสอบนั้นตัวเลขโชว์อยู่ที่ 130 กว่า กม./ชม. ซึ่งแรงบิดของเครื่องยนต์ยังคงไหลต่อไปได้เรื่อยๆแต่ช่วงทางตรงหมดเสียก่อน
การทดสอบในส่วนของสนามแบบ Winding Course เป็นสนามทดสอบที่รวมแพทเทินเสมือนถนนจริงไว้ คือ เป็นโค้งแบบขึ้นเขาลงเขา โค้งเอส โค้งยูเทิร์นแคบๆ ผิวทางแบบไม่เรียบ และขึ้นเนินแบบมุมอับสายตา
ระบบเบรค
ชุดเบรคเรเดียลเมาท์ 4 พอต จับคู่กับจากเบรคขนาดใหญ่ ในการทดสอบเบรคอย่างหนักหน่วงเพื่อเลี้ยวเข้าโค้งยูเทิร์นแบบแคบๆ เรียกว่าสั่งได้ดั่งใจเลยไม่มีอาการเบรคแข็งหรือกระด้างเหมือนปั้มเบรคแบบทั่วไป ระยะการหยุดรถสั้นกว่าคาลิปเปอร์แบบปกติพอสมควร และในบางจังหวะที่ต้องการเลียเบรคเพื่อการคอนโทรลรถ ก็ให้ความรู้สึกที่สมูทและมีประสิทธิภาพได้ดีเกินพิกัดรถไปหลายเท่าตัว ส่วนระบบเบรค ABS และ G-Sensor กับการที่เทสไรเดอร์ กดเบรคแบบเต็มที่เพื่อให้รถเสียอาการ ทั้งสองระบบทำงานได้ค่อนข้างราบลื่น และกระจายแรงเบรคได้สัมพันธ์กันดี ไม่ทำให้ผู้ขับขี่ต้องกังวลกับระบบดังกล่าว
ยางติดรถ
ลืมไปเลยว่าเป็นยางติดรถ!!! เพราะยางแบบเรเดียลจาก Dunlop Sportmax GPR-300 รุ่นนี้ให้การเกาะถนนได้อย่างครอบคลุมทุกผิวแทรค ในระดับที่เรียกว่าดีมาก ด้วยขนาดยางที่ใหญ่และกว้าง ถ้าลงไปหวดในสนามแข่งก็แบนรถเข่าเช็ดพื้นได้แบบขนมๆเลย บวกกับพื้นฐานของรถที่มีน้ำหนักเบาเป็นทุนเดิม และพิกัดเครื่องยนต์ 150 cc. อยู่แล้ว
ข้อดี
- เครื่องยนต์และชุดเกียร์ ให้แรงบิดตอบสนองได้ดีมาก ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำไปจนถึงรอบกลางๆ ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
- แรงบิดดี ขี่สนุก รถคอนโทรลง่าย ซิกแซกง่าย ผลิกรถได้เร็ว จุดศูนย์ถ่วงรถดี
- ระบบช่วงล่างและเบรคหน้าดีเกิน ซีซี ของเครื่องยนต์
- ดีไซน์รถ สามารถให้ผู้ชื้อไปต่อยอดแนวรถที่ตัวเองต้องการได้ง่าย พร้อมชุดแต่งแบบโรงงานจาก H2C อีกมาก
ข้อแนะนำ
- แรงบิดช่วงปลายๆรอบเครื่องยนต์สโลว์ไปเล็กน้อย
- ความยาวของเบาะผู้ขับขี่สั้นไปหน่อย หากคนขี่ตัวใหญ่ก้นจะชนกับเบาะคนซ้อนได้
- ที่รอบเครื่องยนต์สูงๆ แฮนด์มีอาการสะท้านเล็กน้อย อาจจะต้องถ่วงน้ำหนักที่ปลายแฮนด์ หรือ รองยางที่ตุ๊กตาแฮนด์เพื่อแก้อาการดังกล่าว
CB150R 2017 มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Pearl Cadet Gray (G-B) / สีเทา-ดำ , Asteroid Black Metallic (BLK) / สีดำ , Mat Laurel Green Metallic (GNB) / สีเขียว-ดำ , Millennium Red (R-B) / สีแดง-ดำ
- ราคาวางจำหน่าย ณ เดือนพฤศจิกายน 2560
- รุ่น Standard ราคา 99,800 บาท
- รุ่น ABS ราคา 109,800 บาท
- รุ่น Scramble Cafe ราคา 118,400 บาท (ผลิตจำนวนจำกัด 1,000 คัน)
- รุ่น Street Cafe ราคา 135,200 บาท (ผลิตจำนวนจำกัด 500 คัน)
- ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นร้านผู้จำหน่าย
- ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
MotoWish ขอขอบคุณ
บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด 149 ถ.รถรางเก่า ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130 โทร. (02) 757-6111
> Nitek Helmet 2 Power
146/2 ซ.ศูนย์วิจัย 14 ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทร. 081-823-0181 , 099-640-0592
> ผู้ทดสอบ : @Rider 69
Source Cr.: A.P. Honda
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish