รีวิว Honda All New CBR1000RR-R SP 2024 ซูเปอร์ไบค์ที่จะพาคุณไปได้เร็วกว่าเดิม!!
ซูเปอร์ไบค์รุ่นใหม่จากฮอนด้าในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการปรับเปลี่ยนใหม่หมดทั้งคัน เฟรมตัวถัง เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ แฟรริ่ง โช้คหน้า-หลัง ท่อไอเสีย เบรก ท่านั่งขับขี่ใหม่ และอื่นๆอีก ฉะนั้นชื่อที่ควรเรียกคือ Honda All New CBR1000RR-R SP FIREBLADE 2024
หลังจาก ไทยฮอนด้า ได้เปิดตัวรถที่งาน PT Grand Prix of Thailand 2024 เดือนตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมเปิดราคาวางจำหน่ายที่ 1,134,000 บาท โดยมีเฉพาะรุ่น SP สี GRAND PRIX RED เท่านั้น
หลังจบงานไทยจีพี ไทยฮอนด้าส่งหมายเชิญให้เทสไรเดอร์เข้าร่วมทดสอบในงาน Honda Track Xperience โดยบอกว่าจะมีการเซอร์ไพรส์สำหรับเทสรถในครั้งนี้ด้วย จะเป็นอย่างไรติดตามอ่านรายละเอียดกัน..
รูปทรงภายนอก
การออกแบบภายนอกแฟริ่งได้รับการปรับปรุงจากอุโมงค์ลมเพื่อให้แอร์โรไดนามิกดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ปีกวิงเล็ทมีการออกแบบใหม่นำเอาเทคโนโลยีจากรถแข่ง MotoGP Honda RC213V-S มาใช้ ชิ้นส่วนแฟรริ่งส่วน หัว ด้านข้าง อกล่าง ถังน้ำมัน ไม่เหมือนกับรุ่นเก่า
ส่วนช่องแรมแอร์ก็มีการปรับปรุงใหม่ ชิลด์หน้ารถออกแบบให้เหมือนกับรถแข่ง MotoGP มากขึ้น เพื่อให้สามารถรับแรงปะทะและมีช่อง Air Duct ตัดลมได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
ภาพจำลองการตัดอากาศพลศาสตร์ ของชิ้นส่วนแฟรริ่ง Winglet เพื่อสร้างแรงกดอากาศลดอาการล้อหน้าลอยที่ความเร็วสูง และยังจัดระเบียบการไหลเวียนของอากาศ ทำให้รถมีแรงเสียดทานน้อย
แฟรริ่งชิ้นอกล่างด้านหลัง ตรงปลายแฟรริ่งมีส่วนนูนขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อแหวกอากาศไม่ให้ปะทะกับยางหลัง ลดอาการล้อหลังลอยจากพื้นที่ความเร็วสูง เพื่อเพิ่มการเกาะถนนได้ดีขึ้น
- โพซิชั่นท่านั่ง ถูกออกแบบใหม่ให้สามารถหมอบได้ดีกว่าเดิม รวมไปถึงองศาแฮนด์หุบเข้าหาตัวกว่ารุ่นเก่า ส่วนตำแหน่งวางเท้าเตี้ยลงกว่าเดิมเล็กน้อย
ขนาดมิติตัวรถ
ความยาว : 2,105 มิลลิเมตร
ความกว้าง : 750 มิลลิเมตร
ความสูง : 1,140 มิลลิเมตร
ระยะห่างช่วงล้อ : 1,455 มิลลิเมตร
ระยะห่างจากพื้น : 130 มิลลิเมตร
ความสูงจากพื้นถึงเบาะนั่ง : 830 มิลลิเมตร
น้ำหนักสุทธิ : 201 กิโลกรัม
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง : 16.5 ลิตร
- เฟรมตัวถัง รุ่นใหม่นํ้าหนักเบาลงกว่าเก่า 1,100 กรัม
- ท่อนส่วนคอรถ เพิ่มพื้นที่ความหนามากขึ้นกว่ารุ่นเก่า
- โบลท์ยึดเครื่องยนต์ รุ่นเก่าเป็นเพลายาวทั้งเส้น รุ่นใหม่เป็นโบลท์ยึดเครื่องยนต์ ซ้าย-ขวา
เครื่องยนต์
All New CBR1000RR-R SP 2024 เครื่องยนต์ขนาด 999.9 ซีซี แบบ 4 สูบเรียง DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
- แรงม้า 214.5 แรงม้า ที่ 14,000 รอบ/นาที (รถจำหน่ายในไทย 162 แรงม้า)
- แรงบิด 113 นิวตันเมตร ที่ 12,000 รอบ/นาที
- เพลาลูกเบี้ยว เพิ่มระยะยกของวาล์วไอดีและวาล์วไอเสียใหม่
- สปริงวาล์ว ออกแบบใหม่ทั้งไอดีและไอเสีย
- วาล์วไอดี เปลี่ยนรูปทรงและลดน้ำหนักเพื่อรองรับกำลังเครื่องยนต์ได้ดีกว่าเดิม
ชุดเรือนลิ้นเร่งสำหรับรุ่นใหม่ All New CBR1000RR-R SP จะเป็นแบบมอเตอร์คู่แยก 2 ตัว (ในรุ่นเก่าจะเป็น มอเตอร์ 1 ตัว ควบคุมทั้ง 4 ลูกสูบ)
- มอเตอร์ตัวที่ 1 ฝั่งซ้าย ควบคุมวาล์วปีกผีเสื้อ ลูกสูบ 1-2
- มอเตอร์ตัวที่ 2 ฝั่งขวา ควบคุมวาล์วปีกผีเสื้อ ลูกสูบ 3-4
หลักการทำงานของ มอเตอร์คู่ เวลาเปิดคันเร่งเล็กน้อย มอเตอร์ตัวที่ 2 (ลูกสูบที่ 3-4) จะทำงานก่อน เพื่อให้แรงบิดของเครื่องยนต์ทำงานได้สมูทราบลื่นไม่กระชากจะเกินไปส่วน มอเตอร์ตัวที่ 1 (ลูกสูบที่ 1-2) วาล์วปีกผีเสื้อจะรออยู่ที่รอบเดินเบา เพื่อการเร่งความเร็วได้อย่างต่อเนื่องกัน
- ลูกสูบ มีการปรับเปลี่ยนรูปทรงตรง ส่วนหัวลูกสูบใหม่ เพื่อเพิ่มอัตราส่วนกำลังอัด และใช้วัสดุแบบใหม่ที่มีความแข็งแรงสูงกว่า อลูมิเนียม A2618 ที่ใช้ในรุ่นเก่า
- ฝาสูบ มีการเพิ่มอัตราส่วนกำลังอัดโดยการเปลี่ยนรูปทรงห้องเผาไหม้ใหม่ ในรุ่นเก่ากำลังอัด 13.4 ส่วน All New CBR1000RR-R SP กำลังอัด 13.6 เท่ากับเพิ่มขึ้น 0.2
- พอร์ตไอดีใหม่ เพื่อลดความต้านทานของทางเข้า ทำให้มีกำลังดีขึ้นกว่าเดิม
- บอดี้เครื่องยนต์ มีการออกแบบใหม่เพื่อรีดน้ำหนักให้เบาลงมากกว่า 250 กรัม (ตรงส่วน แคร้งเครื่องยนต์)
- ก้านลูกสูบ น้ำหนักลดลง 5 กรัม/ก้าน จากรุ่นเก่า โดยการลดเส้นผ่านศูนย์กลางสลักก้านสูบด้านล่าง และเปลี่ยนรูปทรงของก้านสูบใหม่
- เพลาข้อเหวี่ยง ลดนำ้หนักลง 450 กรัม จากรุ่นเก่า โดยการปรับรูปทรงและเปลี่ยนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของสลักก้านสูบ
อัตราทดเกียร์ใหม่ ชุดเฟืองเกียร์ 1-6 มีการปรับอัตราทดใหม่หมดทุกเกียร์ เพื่อให้ได้อัตราเร่งที่ดีขึ้นและตอบสนองในทุกจังหวะของการเร่งรอบเครื่องยนต์
“จากกราฟจะสังเกตเห็นได้ว่า เส้นสีแดง คือ อัตราทดเกียร์รุ่นใหม่ ให้การตอบสนองที่ราบเรียบและสมูทมากกว่ารุ่นเก่า”
เกียร์ 1 : 2.461
เกียร์ 2 : 1.947
เกียร์ 3 : 1.650
เกียร์ 4 : 1.454
เกียร์ 5 : 1.291
เกียร์ 6 : 1.160
ระบบอิเล็กทรอนิกส์
หน้าจอแสดงผล TFT LCD Speedometer Full Color ขนาด 5.0 นิ้ว รุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องแสดงผลมาตรวัดหลายรูปแบบ ซึ่งช่วยให้ขับขี่เข้าใจการต้ังค่าต่างๆได้อย่างง่ายดาย และฟังก์ชั่นท่ีเพิ่มเข้ามาจะทำให้ผู้ขับขี่ใช้ระบบของตัวรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับรถรุ่นเก่าจะมีเพียง ภาษาอังกฤษ และ ตุรกี เท่านั้น ส่วนในรุ่น All New จะมีเพิ่มขึ้นมาอีก 6 ภาษา คือ เยอรมัน สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี โปรตุเกส ญี่ปุ่น รวมทั้งหมดเป็น 8 ภาษา
เมื่ออุณหภูมิระบบน้ําตํ่า ระบบจะควบคุมรอบเครื่องยนต์ไม่ให้ใช้รอบเครื่องยนต์สูงเกินกว่า 8,000 รอบ/นาที (สังเกตภาพหน้าจอ) เพื่อป้องกันความเสียหายของชิ้นส่วน และเมื่ออุณหภูมิร้อนถึงค่าท่ีกําหนด โหมดน้ีจะถูกยกเลิก และรอบเครื่องยนต์จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
- QUICK SHIFTER (UP/DOWN) : เปลี่ยนเกียร์รวดเร็วและต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกำคลัทช์ สามารถปรับแรงกดได้ 3 ระดับ
- HONDA SMART KEY : ระบบกุญแจอัจฉริยะ สตาร์ทเครื่องยนต์โดยไม่ต้องเสียบกุญแจ
- LED TAILLIGHT & WINKER : ไฟท้ายและไฟเลี้ยว LED มาพร้อมระบบปิดไฟเลี้ยวอัตโนมัติ
- EMERGENCY STOP SIGNAL (ESS) : ระบบไฟฉุกเฉิน แจ้งเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน
การแสดงผลหน้าจอ สามารถเลือกพื้นหลังได้ 2 สี คือ ขาว/ดำ และเลือกแบบแสดงผลได้ 5 รูปแบบ
จุดเด่นของระบบอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่โหมดการขับขี่ มีทั้งหมด 4 โหมด คือ โหมดสำเร็จรูป 3 โหมด + User Mode ปรับเองได้อีก 1 โหมด
- Mode 1 ให้การควบคุมระดับสูงสุดในสนามแข่งขัน
- Mode 2 โหมดสปอร์ต สร้างความหลากหลายในการขับขี่
- Mode 3 โหมดสำหรับขี่บนพื้นถนนลื่น
- User Mode ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งเองได้ทุกค่า
การปรับตั้งค่าการขับขี่
- P (Power) : ปรับได้ 5 ระดับ 1 (มากสุด) – 5 (น้อยสุด)
- T (HSTC) : ปรับได้ 9 ระดับ / ปิด , 1 (น้อยสุด) – 9 (มากสุด)
- W (Wheelie Control) : ปรับได้ 3 ระดับ / ปิด , 1 (น้อยสุด) – 3 (มากสุด)
- EB (Engine Brake) : ปรับได้ 3 ระดับ , 1 (หนักสุด) – 3 (อ่อนสุด)
- ABS ระบบเบรก ปรับได้ 3 โหมด Race / Track / Standard มาพร้อมระบบ Cornering ABS และระบบควบคุมท้ายรถ Rear Lift Control เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าโค้งได้ดั่งใจ
- HESD ระบบกันสะบัดไฟฟ้า ปรับได้ 3 ระดับ ทำงานร่วมกับระบบ IMU ให้การควบคุมรถได้ดียื่งขึ้น
- 6 AXIS IMU Inertial Measurement Unit ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวของรถ 6 แกน ช่วยควบคุมความสมดุลของตัวรถทุกการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม
- START Control Mode โหมดการขับชี่สำหรับการออกตัวในสนามแข่ง
พารามิเตอร์ที่ปรับเพิ่มเติมได้มีเฉพาะในรุ่น SP เท่านั้น
ÖHLINS Smart EC 3.0 สามารถต้ังค่า ACC และ CORNER ของโหมดฝนและโหมดสปอร์ตได้ ภายในโหมดกันสะเทือน A ซึ่งไม่สามารถทําได้ในรุ่นเก่า
ระบบกันสะเทือนและช่วงล่าง
ระบบกันสะเทือน ÖHLINS Smart EC รุ่นที่ 3 มาพร้อมกับ โช๊คหน้าหัวกลับขนาด 43 มิลลิเมตร Ohlins NPX Smart-EC 3.0 (สปูลวาล์ว) ระยะยุบ 125 มิลลิเมตร และ โช๊คหลัง Ohlins TTX36 Smart-EC 3.0 (สปูลวาล์ว) ระยะยุบ 143 มิลลิเมตร ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดการเกิดฟองอากาศภายในแดมเปอร์ให้เหลือน้อยท่ีสุด ด้วยระบบกันสะเทือนแบบแรงดันเพื่อให้ความมั่นคง และการดูดซับแรงกระแทกในขณะที่ขี่บนถนนและสนามแข่ง
** จุดสังเกตในการหมุนโช้คลูกศรจะมีแบบ ตามเข็มนาฬิกา / ทวนเข็มนาฬิกา **
การป้อนข้อมูลน้ำหนักของผู้ขับขี่ระบบจะทำการคำนวณการตั้งค่าพรีโหลดให้เหมาะสมตามน้ำหนักตัวของผู้ขับขี่ ซึ่งบอกตัวเลขโช้คอัพเป็นจำนวนคลิ๊ก
จานเบรกหน้าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 330 มม. ความหนา 5 มม. พร้อมคาลิเปอร์หน้ายี่ห้อ “Brembo Stylema R” 4 ลูกสูบ แบบรถแข่งเพื่อทนทานต่อความร้อนระหว่างการเบรก และการเพิ่มแรงเบรกให้มีประสิทธิภาพที่ดีข้ึนบนสนามแข่ง จานเบรกหลังขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 220 มม. พร้อมคาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ ยี่ห้อ Brembo เช่นกัน (เบรกหลังเหมือนรุ่นเก่า)
ล้อแม็กซ์ทําจากอะลูมิเนียม GDC (Gravity Cast) พร้อมดีไซน์แบบตัว Y ห้าก้านเหมือนล้อแต่ง โดยออกแบบมาเป็นพิเศษมีความแข็งแรงทนแรงกระแทก และการเบรกในสนามแข่ง
ขนาดยางหน้า 120/70 ZR17 (58W) ขนาดยางหลัง 200/55 ZR17 (78W)
** สำหรับยางติดรถของ All New CBR1000RR-R SP ที่ขายในประเทศไทย จะมีด้วยกัน 2 ยี่ห้อ ** คือ
- Bridgestone BATTLAX RS11 (Racing Street)
- Pirelli DIABLO Supercorsa SP
เริ่มทดสอบ!!
ไทยฮอนด้า จัดรอบทดสอบ All New CBR1000RR-R SP 2024 สำหรับสื่อมวลชนเริ่มต้นที่เวลา 17:00 น. โดยที่เทสไรเดอร์เป็นผู้ทดสอบ “คนแรกในประเทศไทย” บอกตามตรงว่าไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะเทสไรเดอร์มีติดภาระกิจอย่างอื่นด้วยมาถึง “สนามช้างฯ เซอร์กิต” รู้ว่าจะต้องเทสรถตอนเย็น ก็ใส่ชุดเรซซิ่งสูทเดินไปที่รถ
“เซ็ตติ้งนำ้หนักคนขี่ 80 กิโลกรัม (น้ำหนักคนขี่ 65 กก.+ชุดแข่ง 15 กก.) เปิดโหมด Power 1 , Traction 2 , W 1 , EB 1” สตาร์ทรถลงแทรคทันที!!
รถทดสอบทาง ไทยฮอนด้า ทำเป็นเกียร์กลับเหมือนรถแข่ง ซึ่งเทสไรเดอร์มีความเคยชินอยู่แล้ว (การทำเกียร์กลับ สามารถตั้งสลับจุดยึดตำแหน่งเกียร์เพียงแค่ 2 จุด)
รถทดสอบ Honda All New CBR1000RR-R SP ในครั้งนี้ได้เลือกใช้ยางยี่ห้อ Bridgestone Racing Battlax Slick V02 ซึ่งเป็นยางแบบสลิค ชนิดมัลติคอมพาว เหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขัน เนื่องจากเวลาที่ทดสอบคือ 17:00 น. ของเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวแล้วอุณหภูมิบนผิวแทรคเริ่มเย็นลง
หลังจากที่เทสไรเดอร์ทดสอบรันแรก 6 รอบ และสื่อมวลชนทดสอบครบทุกคน จะมีการทดสอบขับขี่จำลองแข่งแบบ “เอ็นดูรานซ์ 1 ชั่วโมง” ซึ่งอุณหภูมิบนผิวแทรคจะลดลงเรื่อยๆอีก ฉะนั้นการยึดเกาะของยางจึงมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในการทำความเร็วและเวลาต่อรอบสนาม!!
การคอนโทรล
รอบแรกของการทดสอบสำหรับเทสไรเดอร์ คือ การวอร์มอัพ โดยใช้เวลาเพื่อทำความรู้จักกับตัวรถว่าเป็นอย่างไรทั้ง รอบเครื่องยนต์ในแต่ละช่วง ในแต่ละโค้ง การเลี้ยว การเบรก รวมทั้งเปิดหน้ายางให้พร้อมอย่างเต็มที่ก่อนกดเต็มข้อ!!
สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ โพซิชั่นท่าทางในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นช่วงหมอบทางตรง หรือ โหนตัวเพื่อเอียงรถเข้าโค้ง แตกต่างจากรุ่นเก่าอย่างชัดเจน ตำแหน่งวางมือจะถอยเข้าหาตัวและสูงขึ้นเล็กน้อย ช่วงท่อนแขนจะหุบเข้าหาถังน้ำมัน ส่วนตำแหน่งวางเท้าต่ำลงเล็กน้อย ทั้งหมดที่อธิบายมานี้คือ ให้ความรู้สึกโอบกอดไปกับตัวรถได้สบายกว่ารุ่นเก่า
จังหวะช่วงรถกำลังเลี้ยวเข้าไปหาโค้ง ทำได้ง่ายและเร็วกว่ารุ่นเก่า รวมถึงการออกโค้งที่ง่ายและรถพุ่งทะยานไปได้เร็วกว่าเดิมด้วย การพลิกรถซ้ายขวาต่อเนื่องรถให้ความรู้สึกเบาขี่ง่ายเหมือนกำลังขี่ CBR600RR แต่น้ำหนักรถ 201 กิโลกรัม เท่ารุ่นเก่า!!
การตอบสนองของเครื่องยนต์
สำหรับรถที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะถูกตอนแรงม้าเหลือแค่ 162 แรงม้า (ถ้าปลดล็อคจะได้ แรงม้า 214.5 แรงม้า ที่ 14,000 รอบ/นาที , แรงบิด 113 นิวตันเมตร ที่ 12,000 รอบ/นาที)
แต่เอาจริงๆนะลองเปิด Mode Race แล้วให้ใครก็ได้เอารถลงไปหวดใน สนามช้างฯ เซอร์กิต สัก 20 นาที ร้อยทั้งร้อยๆน่าจะตกใจ ว่านี้คือรถที่มีแรงม้าแค่ 162 แรงม้าเองรึ!! ทำไมพาคนขี่ไปได้ง่ายและเร็วขนาดนี้
ทำไมรอบเครื่องมันสมูทแต่พาออกจากโค้งได้แรงและรวดเร็ว!! จังหวะช่วงไหลรถเข้าไปกลางเอเป๊กซ์ที่โค้ง 3 เราสามารถกดคันเร่งได้เกือบ 100% เพื่อเตรียมตั้งลำรถให้ชู๊ตออกจากโค้งได้เลย ต้องยกย่องความสามารถนี้ให้กับรถ All New CBR1000RR-R SP เพราะการปรับเปลี่ยนมาใช้ TBW : 2 MOTOR THROTTLE BY WIRE (ระบบเรือนลิ้นเร่ง มอเตอร์คู่)
สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจหลักการทำงาน ลองมาดูกราฟกันอีกครั้ง
เมื่อเวลาเราเปิดคันเร่งเล็กน้อย มอเตอร์ตัวที่ 2 (ลูกสูบที่ 3-4) จะทำงานในช่วงกลางโค้งก่อน เพื่อให้แรงบิดของเครื่องยนต์ทำงานได้สมูทราบลื่นไม่กระชากจะเกินไปส่วน มอเตอร์ตัวที่ 1 (ลูกสูบที่ 1-2) วาล์วลิ้นปีกผีเสื้อจะรออยู่ที่รอบเดินเบา เพื่อการเร่งความเร็วได้อย่างต่อเนื่องกัน เมื่อเปิดคันเร่งและ IMU คำนวนองศารถว่ากำลังจะตั้งรถขึ้น
เราจึงสามารถกดคันเร่ง 100% ทันที โดยไม่ต้องพะวงกับแรงบิดของเครื่องยนต์ว่าจะทำให้ท้ายรถสไลด์ หรือมีอาการถรถไฮไซด์เหมือนรุ่นเก่า **แต่ทั้งนี้คุณต้องตั้งค่า แทรคชั่น ให้เหมาะสมกับความสามารถในการควบคุมรถของตัวคุณเองด้วยนะ เพื่อความปลอดภัย**
เรื่องของแรงบิดจากเครื่องยนต์บล็อคใหม่นี้ ให้ความรู้สึกมีแรงบิดตั้งแต่รอบต่ำๆช่วง 6-7,000 รอบ แล้วรอบเครื่องตวัดขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงเกือบเรดไลน์ ให้ความแรงต่างจากรุ่นเก่าอย่างชัดเจน สำหรับโหมด Power 1
ภาพนี้แคปมาจากล้องที่ติดหมวกกันน็อค เป็นการจับรถครั้งที่สองของเทสไรเดอร์ในวันทดสอบ ซึ่งก็คือช่วงที่ทาง ไทยฮอนด้า จัดทดสอบรถแบบ “เอ็นดูรานซ์ 1 ชั่วโมง” เป็นเวลาประมาณ 19:45 น. สำหรับท็อปสปีดสุดทางตรง “สนามช้างฯ เซอร์กิต หน้าจอโชว์ความเร็วที่ 281 กม./ชม.”
ช่วงปลายๆเกียร์ 4 ความเร็วหน้าจอก็ขึ้นประมาณ 260+ กม./ชม. แล้วนะ แต่พอเตะเกียร์ 5 ต่อเกียร์ 6 ความเร็วขึ้นน้อยมากๆ ไม่เหมือนรถ CBR1000RR-R ที่แฟลชกล่องแล้ว อาจจะเป็นเพราะรถยังถูกตอนแรงม้าอยู่ เลยทำให้โดนตอนความเร็วไปด้วย
ไว้ถ้ามีโอกาสได้เทสรถที่ปลดล็อคแล้วหรือใส่ชุดแต่ง HRC แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกทีว่าต่างกันอย่างไร
** ส่วนเรื่องการปลดแรงม้า ทำได้โดยใช้อุปกรณ์ 3 ชิ้น คือ 1.กล่อง ECU HRC 2.ปากแตรแต่ง 3.ท่อไอเสีย **
ระบบอิเล็กทรอนิกส์
สิ่งที่เปลี่ยนไปจนรู้สึกได้คือ ฟิลลิ่งในการเข้าเกียร์ QUICK SHIFTER (UP/DOWN) เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วต่อเนื่องโดยไม่ต้องกำคลัทช์ เข้าเกียร์ได้ง่ายและนุ่มนวลกว่ารุ่นเก่าพอสมควร จังหวะพลิกรถที่โค้ง 9 ไปโค้งที่ 10 ต้องเพิ่มเกียร์ก็สามารถทำได้ง่ายกว่ารุ่นเก่า
อีกส่วนหนึ่งคือการเซ็ตติ้ง โหมดการขับขี่ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาในการทดสอบสั้นๆแต่ก็รู้สึกได้ถึงความละเอียดของระบบ เพราะรถให้การตอบสนองการขับขี่ได้สมูททุกๆช่วงความเร็ว
Engine Brake สามารถตั้งค่าได้ 3 ระดับ เมื่อเลือก EB1 , EB2 การควบคุมคันเร่ง ไฟฟ้าด้วยมอเตอร์คู่จะสร้างเอนจิ้นเบรกที่มีแรงดึงของเครื่องยนต์ในการชะลอความเร็วมากกว่ารุ่นเก่า
เมื่อลดความเร็วโดยการปิดคันเร่งปิด 100% วาล์วปีกผีเสื้อกระบอกสูบที่ 3 และสูบที่ 4 จะถูกเปิดเพื่อเพิ่มการไหลของ อากาศเพื่อสร้างแรงบิดในการชะลอความเร็วที่มากขึ้น วาล์วปีกผีเสื้อกระบอกสูบที่ 1 และสูบที่ 2 จะรออยู่ที่องศาเดินเบาเพื่อความสมูท และพร้อมเร่งความเร็วเมื่อเปิดคันเร่งเต็มที่ในทันที
ระบบกันสะเทือนและช่วงล่าง
ระบบกันสะเทือน ÖHLINS Smart EC 3.0 NPX + TTX36 ให้ความรู้สึกเปรียบเสมือนคุณนั่งอยู่บนโซฟา La-Z-Boy ทุกอริยาบทที่คุณโหมกระหน่ำคันเร่ง ประเคนความป่าเถือนในตัวคุณใส่รถ แต่อารมณ์คุณเหมือนนั่งเคี้ยวป็อบคอร์นดูหนังแอคชั่นอยู่ เศษปลอกกระสุนตกตามพื้นรอบๆตัว แต่ปากคุณยังไม่หยุดเคี้ยวป็อบคอร์นที่แสนอร่อย
เห้ยยยย!! เรื่องเทโค้งแทบจะนอนติดพื้นแทรคมันง่ายขนาดนั้นเลยรึ….
จริงอยู่ว่าทักษะความสามารถในการขี่รถมีส่วนสำคัญ แต่คุณอย่าลืมว่านี้คือ รถเดิมๆที่ปรับเซ็ตติ้งยังไม่ 100% “ไม่จำเป็นต้องจัดท่าทางการขับขี่เยอะ แค่เล็งไลน์ให้แม่น คุมคันเร่งและเอียงรถลงเข้าโค้ง” แค่นี้ก็ทำให้คุณท่อเช็คพื้นเหมือนนักแข่งแล้ว
ภาพนี้ลองสังเกตแก้มยางของ Bridgestone BATTLAX RS11 สุดจนล้น สุดจนเลยแก้มยาง ยังเกาะผิวแทรคได้อย่างมั่นคง
รถสปอร์ตคลาสพันซีซีรุ่นใหม่ๆทุกยี่ห้อสมัยนี้ เรื่องระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใส่เข้ามาในรถเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากๆ เพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้ไปได้เร็วและคอนโทรลรถได้ปลอดภัย ยังมีอีกหลายคนที่ยังยึดความคิดเก่าๆว่ามันไม่จำเป็น
รถโปรดักชั่น (รถวางจำหน่ายทั่วไป) ก็ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีมาจากรถแข่ง MotoGP , WorldSBK ฉะนั้นคุณปฎิเสธไม่ได้หรอกว่า “มันมีประโยชน์ในการใช้งานจริงๆ” เพียงแค่คุณต้องศึกษาข้อมูลการใช้งาน และปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับสไตล์การขี่ของตัวคุณเอง…
ระบบเบรก
“Brembo Stylema R” จะพูดว่าเป็นคาลิปเปอร์รถแข่งก็คงไม่ผิด สุดทางตรงก่อนเข้าโค้ง 3 สนามช้างฯ เทสไรเดอร์กดคันเร่งท็อปสปีดมาที่ 280 กม./ชม. ทุกๆรอบค่อยๆขยับระยะจุดเบรกจาก 250 เมตร เพิ่มความลึกไปเรื่อยๆจนลึกเข้าไปถึงก่อนเส้น 200 เมตร “ในใจคิดว่าถ้าเบรกไม่อยู่ก็แค่ชิดซ้ายล้นแทรคออกไปก็แล้วกัน”
แต่พอเบรกก่อนเส้น 200 เมตร เล็กน้อยแล้วฟูลเบรกแบบ 90-100% ดูว่าจะหยุดความเร็วขนาดนี้ได้ไหม ไม่น่าเชื่อว่าความเร็วลดลงในระยะทางสั้นๆก่อนไหลเข้าโค้งไปได้สบายๆ
คาลิปเปอร์ “Brembo Stylema R” จะต่างจากคาลิเปอร์รุ่นเก่าคือ มีการเจาะรูระบายความร้อนที่ลูกสูบเบรก เพื่อลดอุณหภูมิสะสมที่ตัวคาลิปเปอร์ ทำให้มีความเสถียรในการกะระยะ “กำหนดจุดเบรกทุกๆรอบได้อย่างแม่นยำ” และทำให้อาการ “Brake Fade” เป็นไปได้ยากขึ้น
“สังเกตที่มือเบรก”
ข้อดีอีกอย่างของ “Brembo Stylema R” คือ ฟิลลิ่งของการเบรก มันให้ความรู้สึกได้ละเอียดดี กดเบรกหน้าแบบหนักๆรถก็หยุดได้ตามสั่งโดยที่ไม่ต้องออกแรงที่นิ้วมาก หรือจะกดเบาๆเลียเบรกเข้าไปในโค้งแบบนี้ก็ยังได้ ถือได้ว่า All New CBR1000RR-R SP ให้ของติดรถมามีคุณภาพสมราคารถเลย ใครขี่สนามข้างเวลาต่อรอบยังไม่ถึง 1:42.xxx วินาที ยังไม่ต้องไปใส่ปั้มบนแต่งก็ได้นะ
ยางติดรถ
เนื่องจากในการทดสอบรถครั้งนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นยางสลิค ขอข้ามหัวข้อนี้ไปแต่เพื่อนๆสามารถ อ่านรีวิวยางเพิ่มเติมได้ กดที่นี่
ที่เล่ามาให้ฟังทั้งหมดนี้ เป็นการสัมผัสจับรถครั้งแรก รันแรก ใช้เวลาในการทดสอบเพียง 6 รอบ สนามช้างฯ เซอร์กิต เท่านั้น!!
เทสไรเดอร์ไม่ใช่นักแข่งอาชีพ ยังสามารถทำเวลาต่อรอบลดลงเรื่อยๆได้แบบนี้ ถ้ารถไม่ดีจริง ไม่ควบคุมได้ง่ายจริง เวลาต่อรอบคงไม่ได้ขนาดนี้ 1:45.xx นาที ส่วนช่วงทดสอบแบบ “เอ็นดูรานซ์ 1 ชั่วโมง” กลางคืนทำเวลาต่อรอบได้ 1:46.xx นาที !!
บทสรุป
ถ้าคุณอยากที่จะเริ่มต้นเข้าสู่วงการแข่งรถ และเป้าหมายของคุณคือโพเดี้ยม “Honda All New CBR1000RR-R SP 2024″ พร้อมจะพาคุณไปได้เร็วขึ้นเสมอ เมื่อความสามารถคุณไปถึง!!
ข้อดี
- รูปทรง ลวดลาย สีสัน ดูสปอร์ตแบบรถแข่ง
- เทคโนโลยีและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัย
- ราคาเหมาะสม และกิจกรรมซัพพอร์ตของแบรนด์มีมาก
ข้อแนะนำ
- ไม่ควรแฟลชกล่อง แนะนำให้ติดตั้งชุด Race Kit เพื่อความเสถียรของเครื่องยนต์และระบบอิเล็กทรอนิกส์ของตัวรถ
- ก่อนปลดล็อคแรงม้า 162 ตัว ไปที่ 214.5 แรงม้า ควรใช้แรงม้าเดิมๆให้เต็มประสิทธิภาพก่อน เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และเป็นการพัฒนาทักษะการขับขี่ให้ทันความสามารถของรถ
Honda All New CBR1000RR-R SP FIREBLADE 2024
- ราคาวางจำหน่าย ณ เดือนพฤศจิกายน 2567
- 1,134,000 บาท (สี GRAND PRIX RED)
- ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นตัวแทนจำหน่าย
- ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
- ค้นหาตัวแทนจำหน่าย สนใจสั่งซื้อ / สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Honda BigWing
MotoWish ขอขอบคุณ
บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
149 ถ.รถรางเก่า ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130 โทร. (02) 757-6111
> ผู้ทดสอบ : @Rider 69
อ่านข่าว Reviews เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว Honda เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish