รีวิวยาง MICHELIN POWER 5 เทคโนโลยีจากรถโมโตจีพีสู่ท้องถนน

Posted on 14/06/2020

ท่ามกลางกระแสระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้วงการมอเตอร์ไซค์เงียบเหงาลงไปบ้าง ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันโลกจะดำดิ่งจนทำให้นักบิดหลายๆคน กระหายอยากจะตุนน้ำมันไว้ในบ้านเก็บออกลั่นตอนหน้าหนาว เพราะฤดูร้อนของเราโดน พรก. ห้ามไปไหนเกิน 4 ทุ่ม และถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี เราก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี

ถึงวงการจะเงียบแต่ทางฝั่งผู้ผลิตสินค้ายังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาด เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค ยางตัวใหม่ล่าสุดจากสุดยอดบริษัทยางที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และมีเทคโนโลยีนำหน้าบริษัทอื่นอยู่เสมอนั้นคือยาง มิชลิน พาวเวอร์ ไฟว์ : MICHELIN POWER 5

MICHELIN POWER 5 เป็นยางรุ่นใหม่ที่ออกตามหลัง Road 5 ที่เป็นชื่นชอบของหลายๆคน กลายเป็นยางที่นักขี่ท่องเที่ยวชอบมาก เพราะเด่นในทุกสภาวะอากาศ และเด่นเป็นพิเศษบนพื้นเปียก Road 5 ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในตลาดยุโรป ทางมิชลินจึงได้นำเทคโนโลยีแบบเดียวกันมาคลอด MICHELIN POWER 5

โครงสร้างที่ใช้ “ผ้าอะรามิส” ผสมคาร์บอน เป็นโพลีเอสเทอร์ เนื้อยางเป็นซิลิก้า (ยี่ห้ออื่นส่วนใหญ่เป็นไบแอส) ทำให้ตัวยางมีความเบากว่ายางยี่ห้ออื่นๆเป็นอย่างมาก และมีลายบนเนื้อยางที่แลดูสวยงามการออกแบบที่เป็นรูปคล้ายเมล็ดข้าวสามเหลี่ยมให้ความรู้สึกถึงความเร็ว

และผิวของเนื้อยางลายลูกกอล์ฟก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และเพิ่มประสิทธิภาพยึดเกาะบนถนนเปียกมากขึ้น MICHELIN POWER 5 เป็นยางลักษณธแบบ 2CT หรือ 2 Compond Technology คือ เนื้อยางตรงกลางจะแข็งเพื่อลดการสึกหรอ ทำให้เนื้อยางตรงกลางสามารถใช้งานได้ยาวนาน เพราะโดยส่วนใหญ่รถจักรยานยนต์ที่ใช้งานจะวิ่งตรงเป็นส่วนมาก ไม่เหมือนกับรถแข่งในเซอร์กิตที่ใช้เนื้อยางด้านข้างมากกว่าตรงกลาง

แน่นอนว่าถ้าพูดถึงยางต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการเบรคด้วย ยางมิชลินในรุ่น ซีรีย์ 5 ได้รับการพูดถึงอย่างแพร่หลายในยุโรปว่าเด่นเรื่องระยะเบรคที่สั้น และสามารถทำได้ดีแม้กระทั่งใช้งานไปกว่า 6,000 กม. แต่ระยะเบรคยังสั้นเท่าเดิม!! แอบเห็นในดาต้าชีตที่เปรียบเทียบกับคู่แข่งต่างๆแล้วก็ตกใจ เดี๋ยวไปลองเทสกันดีกว่า

สำหรับเมืองไทยก็มีหน้าฝนอยู่พอสมควร โดยในปีที่แล้วเทสไรเดอร์ได้ลอง Road 5 กลางสายน้ำมาแล้ว แต่ปีนี้ไม่ได้ Power 5 กลางสายฝน ว่ากันว่า Power 5 ไม่ได้ด้อยกว่า Road 5 เท่าใดเลยยังเป็นเทพของการลุยฝนคล้ายๆกัน

ถ้าเป็นนักบิดที่ชอบดูการแข่งขันและพอมีอายุสักหน่อย เวลาเห็นยี่ห้อมิชลินที่ไรจะทำให้เรานึกถึงกลิ่นอายของรถแข่ง GP500 สมัยยุค ไมเคิล ดูฮาน แปะสติกเกอร์บีเบนดั้มบนบังโคลนหน้า สมัยที่การแข่งชิงแชมป์โลกไม่จำกัดยี่ห้อยาง ใครๆก็อยากได้มิชลินเป็นสปอนเซอร์ เพราะเป็นเจ้าที่ผลิตยางเรเดียลให้นักแข่ง (สมัยก่อนยางเรเดียลแพงมากเพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ในยุคนั้น)

TEST TEST

หลังจากที่เราใส่ยาง MICHELIN POWER 5 ให้กับเจ้า Ducati GT1000 US Spec แล้ว เอามาลองขี่เทสสักหน่อย ตามสเปกเดิมของรถรุ่นนี้ใส่ยางหน้าขนาด 120/70ZR17 ยางหลัง 180/55ZR17 ลมยางหน้า 30 หลัง 28 psi

ลองกระแทกคันเร่งแรงๆอยากรู้ว่ากริปของเนื้อยางหลังวอร์มหน้ายางแล้วจะเกาะถนนได้สักแค่ไหน ถึงกับร้องว้าวๆๆกันเลยทีเดียว ทันทีที่กดคันเร่งล้อหน้าเทคลอยยาวๆ เนื้อยางให้การยึดเกาะได้นิ่งสนิท และเนื่องจากเจ้าดูคาติรุ่น GT1000 นี้ไม่มีระบบ ABS หรือ Traction Control แบบรถสมัยใหม่อะไรทั้งนั้น ฉะนั้นจะได้ความรู้สึกในการขี่แบบเพียวๆ รับรู้ได้ถึงฟิลลิ่งของยางและตัวรถอย่างชัดเจน

ความรู้สึกของเนื้อยาง MICHELIN POWER 5 คล้ายๆกับยาง POWER RS มากๆ ระยะในการเบรคทำได้สั้นกว่าที่คิด จังหวะการพับรถเข้าโค้งได้อย่างว่องไวรวดเร็วฟิลลิ่งคล้ายๆยางสนาม เป็นเพราะโครงสร้างยางที่เบามากขึ้น ทำให้ขี่ได้สนุก รับรู้ได้ถึงช่วงการเอียงรถเลี้ยวข้ามรอบต่อของ 2 เนื้อยางสามารถสัมผัสได้เลยว่า พอถึงช่วงไหล่ยางที่เป็นเนื้อซอฟรถช้าลงเองเพราะเนื้อยางเกาะมากกว่าเนื้อยางตรงกลาง

เทสไรเดอร์ออกไปขี่เป็นระยะทางราวๆ 80 กิโลเมตร ทุกๆกิโลเมตรเต็มไปด้วยความมั่นใจ สนุกไม่ทำให้ผิดหวัง ลายยางดูไฮเทคไปหน่อย ไม่ค่อยเข้ากับรถสไตล์คุณปู่เท่าไร 555

บทสรุป MICHELIN POWER5

ของดีที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีมากมาย หน้าตาดูแพงทันสมัยมีความเป็น MotoGP ประสิทธิภาพเกินราคา เกาะถนนดีเยี่ยม ระยะเบรคสั้น พร้อมลุยได้ทั้งผิวถนนที่แห้งและเปียกชื้น

ข้อดี