Yamaha ยังคงขยันสรรค์สร้างเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่เสมอ และล่าสุดก็เป็นการเปิดตัวสกู๊ตเตอร์ขุมกำลังไฮบริดเต็มรูปแบบจริงๆ ด้วยระบบลูกผสมที่มีชื่อว่า SPHEV หรือ “Series-Parallel Hybrid Electric Vehicle”

Yamaha SPHEV คือระบบขุมกำลังไฮบริด ซึ่งไม่ได้เป็นการผสมผสานกันแค่การทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าควบคู่กันไปเฉยๆเพียงสั้นๆเท่านั้น เหมือนที่อยู่ใน Yamaha Grand Filano แต่มันมีความซับซ้อนกว่านั้นมาก ในเรื่องของวิธีการทำงานระหว่างทั้งสองขุมกำลังที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ

ก่อนอื่น ขุมกำลังที่ใช้ในการพัฒนาเป็นรถต้นแบบ จะมีสารตั้งต้นเป็นเครื่องยนต์สูบเดียว 292cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งยกมาจาก Yamaha Xmax แต่มีการดัดแปลงโดยทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนพ่วงกับเพลาข้อเหวี่ยงใหม่ ได้แก่ การใส่มอเตอร์เจเนอเรเตอร์เข้าไปทางด้ายซ้ายของเพลาข้อเหวี่ยง จากปกติที่จะอยู่ด้านขวา

ในขณะเดียวกันชุดคลัทช์ พูลเล่ย์ และระบบสายพาน ชุดเกียร์ CVT ก็จะถูกย้ายมาไว้ทางฝั่งด้านขวาทั้งหมด โดยที่ตัวเพลาขับล้อหลัง จะเชื่อมต่อกับมอเตอร์อีกลูกหนึ่งเอาไว้ด้วย นั่นจึงหมายความว่า ขุมกำลังไฮบริด SPHEV จะมีชิ้นส่วนสร้างกำลังสำหรับขับเคลื่อนตัวรถถึง 3 แหล่งด้วยกัน

ส่วนวิธีการขับเคลื่อนของระบบ SPHEV จะสามารถแบ่งวิธีการทำงานแบบชัดๆตามความเร็วขณะใช้งาน

เริ่มจากในช่วงความเร็วออกตัวและความเร็วต่ำ มอเตอร์ที่ติดตั้งอยู่กับเพลาล้อหลัง จะทำหน้าที่เป็นตัวสร้างกำลังขับเคลื่อนรถเพียงอย่างเดียว และหมายความว่ามันจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยพลังานไฟฟ้าล้วนเพื่อประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง

ในทางกลับกัน หากผู้ขี่ปิดคันเร่ง และรถยังคงเคลื่อนที่ไหลต่อไปจากแรงเฉื่อย มอเตอร์ลูกนี้ ก็จะทำหน้าที่สร้างกระแสไฟชาร์จกลับเข้าสู่แบตเตอรี่สำหรับใช้ต่อไปได้

หากผู้ขี่ยังต้องการให้รถมีความเร็วสูงขึ้น หรือพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่มีน้อย เครื่องยนต์ก็จะเริ่มสตาร์ทขึ้นมา เพื่อคอยปั่นมอเตอร์เจเนอเรเตอร์ให้สร้างกระแสไฟเข้าไปชาร์จแบตเตอรี่ โดยที่ตัวเครื่องยนต์ก็จะยังคงไม่ได้ส่งกำลังใดๆไปขับเคลื่อนชุดล้อ ซึ่งการทำงานของขุมกำลังในลักษณะนี้ จะเรียกว่าเป็นการทำงานในลักษระของระบบ “Series Hybrid”

และถ้าผู้ขี่ยังต้องการให้รถมีความเร็ว และอัตราเร่งสูงขึ้นอีก เครื่องยนต์ก็จะช่วยส่งกำลังไปขับเคลื่อนชุดล้อผ่านชุดเกียร์ CVT โดยจะเป็นการทำงานร่วมกับตัวมอเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเพลาล้อหลัง ในแบบระบบ Parallel Hybrid หรือไม่ก็ได้ แล้วแต่สถานคันเร่ง หรือระดับไฟในแบตเตอรี่

ถ้าผู้ขี่ยังคงต้องการกำลังในการเรียกอัตราเร่งที่สูงขึ้นอีก คราวนี้ นอกจากเครื่องยนต์จะส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลัง ร่วมกับมอเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเพลาขับล้อหลัง ตัวมอเตอร์เจเนอเรเตอร์ ที่แต่เดิมมีหน้าที่ปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ ก็จะเปลี่ยนโหมดมาดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ เพื่อช่วยหมุนเพลาข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์ ให้มีแรงบิดมากขึ้นแทน ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการใช้พละกำลังจากแหล่งกำเนิดกำลังที่มีอยู่ในตัวรถอย่างเต็มระบบ ซึ่งทาง Yamaha เรียกว่า Triple Boost Mode

โดยแม้ทาง Yamaha จะไม่ได้มีการระบุว่าพวกเขาจะวางจำหน่ายตัวรถที่มาพร้อมขุมกำลังใหม่นี้เมื่อใด รวมถึงขีดความสามารถในเรื่องระดับกำลังของขุมกำลังทั้งหมด อยู่ในระดับใกล้เคียงกับรถระดับไหน

แต่ทางค่ายก็ได้มีการระบุว่าเทคโนโลยีระบบขุมกำลังใหม่นี้ สามารถนำไปดัดแปลงเพื่อใช้งานได้กับทั้ง รถสกู๊ตเตอร์ หรือแม้กระทั่งรถเนคเก็ทไบค์ และรถสปอร์ตได้ด้วย โดยจะเป็นรถในกลุ่ม “คลาสกลาง” ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่กลุ่มพิกัด 600cc-900cc ที่นับว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว

อ่านข่าว News Talk เพิ่มที่นี่

อ่านข่าว Yamaha เพิ่มที่นี่

เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่

Website : motowish.com 

Facebook : facebook.com/motowish