ย้อนรอยรำลึกประวัติศาสตร์ 30 ปี Honda CBR600RR ก่อนถึงคราวอวสานปี 2017
จากข่าวที่เราเคยเสนอว่า CBR600RR อาจถึงคราวอวสาน หลังจากอยู่มายาวนานถึง 30 ปี โดยในปี 2016 จะเป็นปีสุดท้ายที่เป็นตำนานของสปอร์ตเรพลิก้าคลาส 600 ของค่ายปีกนกกันแล้ว
เรื่องยุติการผลิตนั้นประกอบด้วยหลายเหตุผล ซึ่งลำดับแรกคือ มาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 ที่จะมีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดในปี 2017 ลำดับถัดมาคือเรื่องยอดขายรถรุ่นนี้ในยุโรปไม่ค่อยดีนัก ครั้นจะพัฒนาต่อเพื่อให้รองรับกับมาตรฐานยูโร 4 หรือในด้านอื่นๆ ต้องใช้เม็ดเงิน และทรัพยากรมหาศาล จึงเป็นเหตุให้ต้องยุติการผลิตไว้แต่เพียงเท่านี้
ดังนั้นเพื่อเป็นการย้อนรำลึก เราขอพาทุกคนร่วมย้อนรอย และดูเรื่องราวการปลี่ยนแปลงสนุกๆของ CBR600 ไปพร้อมๆกัน โดยตั้งแต่ยุคแรกนั้น CBR จะใช้รหัส “F” พ่วงท้าย และหลังๆ ได้เปลี่ยนมาใช้รหัส “RR” เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นสปอร์ตมากขึ้น
** โดย “F” มีที่มาจากคำว่า Street fighter และ “RR” มีที่มาจากคำว่า Racing Replica
1987-1990 Honda CBR600F
ปี 1987 เป็น CBR600 รุ่นแรก โดยมีแฟริ่งคลอบคลุมเกือบทั้งคัน มีข้อดีคือพละกำลังมาก และมีน้ำหนักตัวน้อยกว่ารถ 600 รุ่นอื่นๆ ซึ่งนี่เป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์ CBR600 โดยคำว่า CBR มีการให้คำนิยามกันว่า City Bike Racing
1991-1994 Honda CBR600F
เป็นการปรับปรุงใหญ่ครั้งแรก หลังจากออกมาตั้งแต่ปี 1987 มีการเพิ่มแรงม้าถึง 8 แรงม้า และเพิ่มแรงบิดอีก 3 ฟุตปอนด์ โดยการขยายความจุกระบอกสูบสูบ และปรับปรุงระยะชัก รวมถึง เปลี่ยนเฟรม และแฟริ่งใหม่ เพื่อมาต่อกรกับ Kawasaki ZZ-R600 และ Yamaha FZR600
1995-1998 Honda CBR600F
ในช่วงนี้มีการบู๊กันกับ Kawasaki ZX-6R และ Yamaha Thundercat ฮอนด้าจึงต้องปรับตัวเสริมเขี้ยวเล็บให้ CBR600 อีกครั้ง โดยการเพิ่มแรงม้าไปที่ 100 แรงม้า เท่านั้นยังไม่พอ ในปี 1997 มีการปรับอีกครั้งโดยเพิ่มแรงม้าเป็น 105 แรงม้า, เพิ่มล้อหลังให้มีขนาดใหญ่ และเลือกยางให้ดีขึ้น
1999-2000 Honda CBR600F
เปลี่ยนไปใช้เฟรมแบบอลูมิเนียม ช่วยลดน้ำหนักตัวไปได้ถึง 18 กก. ขยายความจุกระบอกสูบ ทำให้เพิ่มแรงม้าถึง 110 แรงม้า, ปรับปรุงคาลิเปอร์เบรคใหม่แบบ 4 ลูกสูบให้เบรคดีขึ้น และปรับโฉมให้สปอร์ตยิ่งกว่าเดิม
2001-2006 Honda CBR600F
โฉมนี้เปลี่ยนมาใช้ระบบหัวฉีด ปรับโฉมใหม่ให้ดูสปอร์ตทันสมัยขึ้น เพื่อให้เข้ากับศตวรรษที่ 21 จนกระทั่งในปี 2003 ได้มีการเพิ่มรุ่นสปอร์ตเวอร์ชั่นของ F โมเดล โดยการเปลี่ยนมู่เล่ให้เบาขึ้น, สปริงวาล์ว นอกจากนี้ในปี 2003 ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิด รุ่น RR อีกด้วย
2003-2006 Honda CBR600RR
ปี 2003 เรียกว่าเป็นการปฎิวัติ CBR600 เลยก็ว่าได้ เสริมเขี้ยวเล็บให้มีความสปอร์ตขึ้น เครื่องยนต์ขยายขึ้นเป็น 117 แรงม้าที่ 13,500 รอบ/นาที ให้จี๊ดจ๊าดตามสายพันธุ์ RR เรียกว่าเป็น มินิ RCV เลยทีเดียว และในปี 2005 มีการปรับปรุงอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น และเบรคแบบเรเดียลเมาท์ และโช้คอัพแบบ Upside Down สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
2007-2012 Honda CBR600RR
ในปี 2007 ฮอนด้าปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่เพิ่มกำลังในรอบกลางให้ดีกว่าเดิม ปรับปรุงโฉมใหม่หมดอีกครั้ง โดยวางช่องดักลมไว้ตรงกลางระหว่างไฟคู่หน้า ในการปรับปรุงส่งผลให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 2 แรงม้า และสามารถใช้งานบนถนน หรือสนามได้ดีขึ้น และในปี 2009 ได้ติดตั้งระบบ ABS เพิ่มเติมให้กับรถโฉมนี้
2011-2014 Honda CBR600F
CBR600F กลับมาอีกครั้ง โดยการใช้เครื่องยนต์เดียวกับ RR แต่ปรับลดสเป็กให้เข้ากับสไตส์ของรถ มาพร้อมกับระบบเบรค C-ABS และโช้ค Upside Down โดยรวมแล้วมันเป็นรถที่ให้อารมณ์สปอร์ต และผสมผสานความสบายสไตส์เน็คเก็ตได้อย่างลงตัว
2013-2017 Honda CBR600RR
ในปี 2013 มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ฟัดกับคู่แข่งได้อย่างสูสี ไม่ว่าจะเป็นโฉมหน้า, การปรับแกนโช้คอัพให้ใหญ่ขึ้นเป็น 43 มม., เพิ่มระบบเบรค C-ABS และเปลี่ยน ECU ใหม่ แต่สุดท้ายหลังจากปี 2016 CBR600RR มันจะกลายเป็นตำนาน อันเนื่องมาจากผลพวงมาตรฐานไอเสียใหม่ในปี 2017 และยอดขายที่ไม่เข้าเป้า จึงทำให้ไม่ได้ไปต่อ
ทั้งหมดนี้ คือไลน์ของ CBR600 ที่มีประวัติอันยาวนานถึง 30 ปี หากใครมีอยู่ในครอบครอง หลังจากนี้มันอาจเป็นของสะสมที่มีคุณค่าอีกชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ เก็บรักษามันไว้ดีๆล่ะ
Source Cr.: MCN
อ่านข่าว News Talk เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish