“ปั๊มเต่า” คือปั๊มเบรกอะไร ดียังไง ทำไมบางคู่ขายกันหลักล้าน ?

หากพูดถึงการซื้อคาลิปเปอร์เบรกดีๆสักคู่ หลายคนอาจมองว่าปั๊มเรเดียลเมาท์ 4 พอร์ท ราคาหลักหมื่นกว่าก็เริ่มแพงแล้ว หรือเต็มที่หากเป็นปั๊ม “โบ้นิกเกิ้ล GP4”, “ปั๊มโบ้ทีเร็กซ์” คู่ละแสนต้นๆ ไปจนถึงหลายแสนบาท ก็คือสุดตาราง แล้วเจ้า “ปั๊มเต่างอย” ที่มีมูลค่าคู่ละล้านกว่าบาทที่กำลังเป็นกระแสบนโลกโซเชียลนี้ล่ะ คือปั๊มอะไร ?

เท้าความกันก่อน ว่าโดยปกติแล้ว “ปั๊มเต่างอย” หรือ “ปั๊มเต่า” ที่สายซิ่งหลายคนรู้จักในปัจจุบันนั้น ชื่ออย่างเป็นทางการของมันก็คือปั๊มเบรกของ Brembo รุ่น “Racing Monobloc CNC P2 34” ที่แต่เดิมแล้ว เป็นแม่ปั๊มเบรกล่างที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการแข่งขัน โดยเฉพาะกับเหล่าตัวแข่งในศึกการแข่งขัน MotoGP รุ่น Moto3 ที่เคยใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงปี 2010-2020 ต้นๆ
โดยแม้ในปีปัจจุบัน ตัวแข่งเหล่านั้น จะเริ่มเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่ที่มีครีบระบายอากาศเพิ่มเข้ามาแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่เจ้า “ปั๊มเต่า”แบบที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันมากว่า 10 ปีนั้น ก็ยังคงได้รับความนิยมกันอยู่ เพราะมีการผลิตออกมาเพื่อวางจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย ด้วยราคาราวๆ 50,000 – 70,000 บาท ต่อข้าง ซึ่งก็ยังไม่ได้ถือว่าแพงมากไปนัก สำหรับสายขิงตัวจริง

ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมตัวปั๊มเบรก “CNC P2 34” ได้รับความนิยมในตัวแข่ง Moto3 รวมถึงสายซิ่งสุดตารางทั้งหลาย ?
ก็เป็นเพราะ มันมาพร้อมกับคุณสมบัติเฉพาะตัวหลายอย่างที่เหมาะสม ทั้งการที่ ตัวเรือนปั๊ม ถูกทำขึ้นจากวัสดุอลูมิเนียมน้ำหนักเบา โดยใช้กรรมวิธีการขึ้นรูป แบบ CNC หรือการกัดก้อนอลูมิเนียมชิ้นเดียว ขึ้นเป็นเรือนปั๊มทั้งอัน ไม่ใช่การเอาอลูมิเนียมไปเทใส่เบ้าหล่อเป็นฝั่งซ้าย-ขวา แล้วนำมาประกบกันด้วยน็อตยึดในภายหลัง
ซึ่งทำให้ตัวเรือนปั๊มมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ ลดอาการถ่างตัวเรือนขณะลูกสูบทำงาน ช่วยให้มันสามารถถ่ายแรงกดจากแม่ปั๊มบนไปยังผ้าเบรกได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังมีการใช้สลักผ้าเบรกไทเทเนียม กับลูกสูบไทเทเนียม ที่ไม่ใช่แค่ช่วยระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีเท่านั้น แต่ยังช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินได้อีก

จนทำให้น้ำหนักของเรือนปั๊มเบรกมีตัวเลขเพียง 320 กรัมต่อข้างเท่านั้น เมื่อไม่รวมผ้าเบรก ซึ่งให้เครื่องยนต์มีภาระน้อยลง เช่นเดียวกับน้ำหนักใต้สปริงที่ต่ำลง ซึ่งส่งผลในเรื่องของการควบคุมรถขณะเข้าโค้งที่ดีขึ้นด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยการออกแบบให้ลูกสูบของตัวเรือนปั๊มเบรก เป็นแบบ 2 สูบ ขนาด 34 มิลลิเมตร ทำงานแบบประกบคู่กันซ้าย-ขวา จึงทำให้มันสามารถสร้างแรงกดบบนผ้าเบรกให้สามารถสัมผัสกับจานเบรกได้อย่างสมดุล และด้วยการออกแบบให้รูน็อตสำหรับยึดเรือนปั๊มเบรกเข้ากับหูล่างโช้กเป็นแบบเรเดียลเมาท์ระยะ 60 มิลลิเมตร จึงทำให้มันยิ่งสามารถติดตั้งเข้ากับช่วงล่างได้อย่างแน่นหนา มั่นคงมากขึ้นไปอีก
จากคุณสมบัติที่ไล่เรียงมา จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ปั๊มเบรกเต่าทองตัวนี้ จะมีราคาหลักหลายหมื่นบาท ตามประสิทธิภาพของมัน

ส่วนปั๊มเบรกเต่าทอง ที่มีราคาหลักคู่ละล้านกว่าบาท ที่กำลังเป็นกระแสอยู่นั้น แท้จริงแล้วก็คือ “ปั๊มเบรกรุ่นต้นตระกูลก่อนเป็นเจ้าเต่าทอง” ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน โดยมันถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้กับตัวแข่งในศึก MotoGP รุ่น GP125 ช่วงปี 2007-2011 ซึ่ง Marc Marquez ก็เคยคว้าแชมป์ด้วยรถที่ใส่ตัวปั๊มเบรกรุ่นนี้มาแล้ว เมื่อตอนที่เจ้าตัวยังลงแข่งขันในรุ่นดังกล่าวอยู่

แม้มันจะเป็นแม่ปั๊มเบรกรุ่นเก่ากว่า แต่ด้วยความเป็นรุ่นต้นแบบ และเป็นรุ่นที่ไม่ได้มีการผลิตออกมาขายเพิ่มเติมแล้วมานานหลักสิบปี จึงทำให้ไม่น่าแปลกนักที่มันจะมีราคาสูงขึ้นแบบพุ่งกระฉูด แบบฉุดไม่อยู่ จนกลายเป็นของสะสม มากกว่าจะเป็นของใช้งาน
ดังนั้นหากคุณไม่ได้เป็นนักสะสม ที่ต้องการเก็บแต่ของหายากสุดๆไว้ในกรุใกล้ตัว อันที่จริงคุณก็สามารถเบิกปั๊มเต่าทองรุ่นปัจจุบัน ที่ยังคงมีขายกัน เบิกผ้าเบรกได้ง่าย และราคาถูกกว่าหลายเท่าไว้ใช้งานจริงๆแทนก็ได้ โดยที่ในขณะเดียวกัน มันก็ให้ความหล่อไม่หนีกันมากนัก (โดยเฉพาะในสายตาของคนที่ไม่ใช่แฟนพันธ์แท้จริงๆ) แถมยังอาจจะมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีกว่าด้วย หากนับจากปีการผลิตจริงๆของมัน
อ่านข่าว New Bikes เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว Honda เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish