10 รถเน็คเก็ตไบค์ ที่น่าจับจองเป็นเจ้าของในปี 2021
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รถจักรยานยนต์สไตล์เน็คเก็ตเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ไบค์เกอร์ ประกอบกับแต่ละค่ายได้จัดเอารถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นตัวชูโรง จะเรียกว่า ซูเปอร์เน็คเก็ตไบค์ หรือไฮเปอร์เน็คเก็ตไบค์ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีมากมายเหมิอนกับรถสปอร์ต วันนี้ทีมงาน MotoWish จะพามาดู 10 รถเน็คเก็ตไบค์ที่น่าจับจองเป็นเจ้าของในปี 2021 กัน
1. Ducati Monster 1200S
Ducati Monster ไม่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยขุมพลังที่เป็นซูเปอร์เน็คเก็ตไบค์มาก่อน แต่การมาของ Monster 1200S ตัวล่าสุดมาพร้อมกับเครื่องยนต์ Testastretta 11° ที่ให้พละกำลัง 147 แรงม้า ที่ 9,250 รอบต่อนาที ทำงานคู่กับระบบคันเร่งไฟฟ้าอย่าง Ride by Wire พร้อมทั้งระบบความปลอดภัยอย่าง ABS-Cornering, Traction Control และ Wheelie Control แบบครบครัน
เท่านั้นยังไม่พอของติดรถยังมีให้แบบไม่กั๊ก ไฟหน้าพร้อมไฟเดยไลท์, จอแสดงผลเรือนไมล์เป็นแบบดิจิตอล TFT Display, ระบบเบรกทั้งหมดจากค่ายคู่บุญอย่าง Brembo, ระบบช่วงล่างด้านหน้าหัวกลับสีทองขนาด 48 มิลลิเมตร พร้อมโช๊คหลังสีเหลืองจาก Ohlins ติดตั้งเด่นสง่าอยู่ในโปรอาร์มชิ้นใหญ่ ตัดกับโทนสีดำทมิฬของตัวรถได้ลงตัว
ราคา Ducati Monster 1200S อยู่ที่ 14,895 ปอนด์ หรือประมาณ 672,000 บาท (ยังไม่รวมภาษี)
2. Yamaha MT-10
เป็นเน็คเก็ตไบค์รุ่นใหญ่จากยามาฮ่า มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 998 ซีซี 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยของเหลว พละกำลัง 160 แรงม้าที่ 11,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 111 นิวตันเมตรที่ 9,000 รอบต่อนาที
โช้คหน้า KYB สามารถปรับได้ทุกค่า และโช้คหลัง piggy shock สามารถปรับได้ทุกค่าเช่นเดียวกัน ส่วนระบบเบรกหน้าใช้จานดิสก์ขนาด 320 มิลลิเมตร ส่วนเบรกหลังจานดิสก์ขนาด 220 มิลลิเมตร พร้อมระบบ ABS
ราคา Yamaha MT-10 อยู่ที่ 629,000 บาท
3. BMW S1000R
รถรุ่นใหม่จาก BMW ที่ได้รับการอัพเกรดเครื่องยนต์ใหม่ ในปี 2021 เครื่องยนต์ขนาด 999 ซีซี มาตรฐานยูโร 5 ระบายความร้อนด้วยของเหลว พละกำลัง 165 แรงม้าที่ 11,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 114 นิวตันเมตรที่ 9,250 รอบต่อนาที เกียร์ 6 สปีด Shift Assistant Pro ขึ้นและลง อัตราเร่งจาก 0 – 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลา 8 วินาที เร็วกว่ารุ่นเก่า 5%
ตัวเฟรมได้รับการถ่ายทอดมาจาก S1000RR ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นเก่า แคบลง 30 มิลลิเมตรบริเวณตำแหน่งหัวเข่า ทำให้น้ำหนักส่วนใหญ่เทไปข้างหน้ากว่าเดิม มีความแข็งแกร่งและยึดหยุ่น นอกจากนี้เครื่องยนต์ยังเบาลงกว่าเดิม 5 กิโลกรัม น้ำหนักโดยรุ่น BMW S1000R รุ่นนี้ น้ำหนักอยู่ที่ 199 กิโลกรัม เบากว่ารุ่นก่อน 6.5 กิโลกรัม นอกจากนี้หากติดตั้งชุดแต่งแพ็คเกจ “M” จะลดลงไปอีก 4.8 กิโลกรัม ไฟหน้าและไฟท้ายเป็นหลอด LED
ราคา BMW S1000R อยู่ที่ 12,000 ปอนด์ หรือประมาณ 542,000 บาท (ยังไม่รวมภาษี)
4. Honda CB1000R
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของ 2021 Honda CB1000R นั่นก็คือความดุดันที่เพิ่มขึ้นของรูปลักษณ์ภายนอก มาพร้อมกับซับเฟรมอลูมีเนียมผิวใสขึ้น การออกแบบไฟหน้าแบบใหม่ มีไฟเดย์ไลท์ตัว U เหมือนกับรูปเกือกม้า ชวนให้นึกถึง MV Agusta Brutale 1000 ล้อรถอลูมิเนียมแบบใหม่ 7 ก้าน แผงหม้อน้ำและฝาปิดแอร์บ็อกซ์ปรับปรุงใหม่
เครื่องยนต์ Honda CB1000R ขนาด 998 ซีซี 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยของเหลว พละกำลัง 143 แรงม้าที่ 10,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 104 นิวตันเมตรที่ 8,250 รอบต่อนาที ที่สำคัญเครื่องยนต์ผ่านมาตรฐานยูโร 5
ระบบกันสะเทือนมาพร้อมกับโช้คอัพหน้า Showa SFF-BP แบบหัวกลับ โช้คอัพหลัง Showa Monoshock ส่วนระเบบเบรกหน้าเป็นจานดิสก์คู่ ขนาด 310 มิลลิเมตร และเบรกหลังเป็นดิสก์เดี่ยว 256 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์เรเดียลเมาท์ของ Tokico พร้อมระบบ ABS แบบ 2 channel
ราคา Honda CB1000R อยู่ที่ 598,110 บาท
5. MV Agusta Brutale 1000RR
เป็นรถจักรยานยนต์เน็คเก็ตไบค์จากอิตาลี ของค่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบตัวรถ แต่ก็มาพร้อมกับราคาที่สูงอยู่พอตัว แต่ด้วยเครื่องยนต์ 999 ซีซี 4 สูบเรียง ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ สามารถรีดพละกำลังได้ 208 แรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 116 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบต่อนาที
ระบบกันสะเทือนโช้คหน้าแบบหัวกลับ Ohline Nix EC ส่วนโช้คหลังเป็น Ohlins EC TTX การปรับเป็นระบบไฟฟ้า ส่วนระบบเบรกนั้นมาพร้อมกับจานดิสก์หน้าขนาด 320 มิลลิเมตร พร้อมชุดปั้ม เรเดียลเมาท์โมโนบล็อคจาก Brembo และเบรกหลังจานดิสก์ขนาด 220 มิลลิเมตร
ราคา MV Agusta Brutale 1000RR เปิดมาที่ 28,700 ปอนด์ หรือประมาณ 1.29 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษี)
6. KTM 1290 Super Duke R
ภายใต้แฟริ่ง KTM 1290 Super Duke R 2020 เป็นเครื่องยนต์กระบอกสูบ V-Twin LC8 ขนาด 1,301 ซีซี วาล์วไอดีไทเทเนียม และมีการปรับปรุงหัวฉีดน้ำมันใหม่ ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว เกียร์ 6 สปีด มีพละกำลังถึง 180 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 140 นิวตันเมตร ที่ 8,000 รอบต่อนาที
ระบบกันสะเทือนโช้คหน้า WP APEX ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 48 มิลลิเมตร ส่วนโช้คหลัง WP APEX สวิงอาร์มเดี่ยวอลูมิเนียมที่ได้รับการปรับตำแหน่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขณะใช้ความเร็วสูง
ด้านระบบเบรก เบรกหน้าเป็นจานดิสก์คู่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 320 มิลลิเมตร ปั้ม Brembo 4 ลูกสูบ ส่วนเบรกหลัง เป็นจานดิสก์เดี่ยว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 240 มิลลิเมตร 2 ลูกสูบ
ราคา KTM 1290 Super Duke R 2020 รุ่นนี้ เริ่มต้นที่ 15,699 ปอนด์ หรือประมาณ 708,000 บาท (ยังไม่รวมภาษี)
7. Aprilia Tuono V4 1100 Factory
เน็คเก็ตไบค์รถใหม่จากค่ายอิตาลีที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1,077 ซีซี V4 DOHC ระบายความร้อนด้วยของเหลว พละกำลัง 175 แรงม้าที่ 11,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตรที่ 9,000 รอบต่อนาที เกียร์ 6 สปีด
ระบบกันสะเทือนโช้คหนาหัวกลับ Ohlins NIX ปรับไฟฟ้า และโช้คหลัง Ohlins TTX ปรับไฟฟ้าเช่นเดียวกัน ส่วนระบบเบรกจานดิสก์หน้าคู่ขนาด 330 มิลลิเมตร พร้อมชุดปั้ม Brembo M50 และเบรกหลังจานดิสก์เดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร ชุดปั้ม Brembo พร้อมระบบ ABS
ราคา Aprilia Tuono V4 1100 Factory เปิดตัวมาที่ 18,100 ปอนด์ หรือประมาณ 817,000 บาท (ยังไม่รวมภาษี)
8. Ducati Streetfighter V4 และ V4S
Ducati Streetfighter V4 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale 1,103 ซีซี ให้กำลังสูงถึง 208 แรงม้า เพื่อให้การถ่ายทอดกำลังเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ กับ “Streetfighter V4” เน็คเก็ตไบค์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่ได้รับรางวัล “Most Beautiful Bike” ในงาน Eicma 2019 กับดีไซน์ดุดันเร้าอารมณ์ ด้วยเส้นสายคมกริบจากชุดไฟหน้า LED ที่ได้แรงบันดาลใจจากรอยยิ้มของ JOKER รวมถึงการออกแบบปีกสองชั้นที่พัฒนาโดย Ducati Corse
การขับขี่ที่คล่องตัวมากขึ้นกับตำแหน่งการวางที่พักเท้าที่เหมาะกับทั้งในเมืองและในสนามแข่ง การนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาจาก Panigale V4 ด้วย IMU 6 แกน ช่วยให้การควบคุมรถในทิศทางต่างๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งการเร่งความเร็ว การเบรก รวมถึง Traction Control และ Slide Control ช่วยให้เข้าโค้งและออกจากโค้งได้เสมือนนักแข่งอาชีพ นอกจากนี้ ยังให้การตอบสนองอย่างมั่นใจด้วยการปรับแต่ง ECU ให้เหมาะสม กับน้ำหนักตัวเพียง 178 กิโลกรัมในเวอร์ชั่น S และ 180 กิโลกรัมในรุ่น Streetfighter V4
ราคา Streetfighter V4 อยู่ที่ 899,000 บาท และราคา Streetfighter V4S อยู่ที่ 1,059,000 บาท
9. Kawasaki Z H2
Kawasaki Z H2 มาพร้อมกับ เครื่องยนต์บาลานซ์ซูเปอร์ชาร์จ 998 ซีซี ของ Z H2 ถูกผลิตโดยใช้เทคโนโลยีของคาวาซากิกรุ๊ป และไม่ได้เกิดขึ้นจากการออกแบบแค่ภายในบริษัทรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังมีการร่วมมือกับบริษัทผลิตชิ้นส่วนและระบบอากาศยาน บริษัทพลังงาน อุตสาหกรรมเครื่องกล และร่วมมือกับแผนกเทคโนโลยี
เนื่องจากทางคาวาซากิต้องการให้กำลังของเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จเจอร์สามารถควบคุมได้ง่าย ผลลัพธ์จากความตั้งใจในครั้งนี้จึงออกมาเป็นขุมพลังซูเปอร์ชาร์จเจอร์ประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งส่งกำลังได้เรียบเนียน ไร้การสะดุดในทุกสภาวะการทำงาน ทั้งยังมีย่านกำลังที่กว้างส่งผลให้การเรียกอัตราเร่งมีความตื่นเต้นเร้าใจ ขี่ง่าย ไม่รอรอบในทุกระดับความเร็ว
ระบบกันสะเทือนโช้คอัพ Showa SFF-BP ถูกนำมาใช้สำหรับโมเดลนี้ ให้คาแรคเตอร์การควบคุมช่วงยุบที่เหมาะกับการขับขี่สไตล์สปอร์ต สปริงพรีโหลด และความหนืดของโช้คสามารถปรับตั้งได้ช่วยให้ผู้ขี่สามารถเซ็ตอัพช่วงล่างของรถให้เหมาะกับขนาดตัว และสภาวะการใช้งาน
ส่วนระบบเบรก Kawasaki Z H2 ใช้ระบบเบรกคาลิปเปอร์ Brembo M4.32 โมโนบล็อกทำงานร่วมกับจานดิสก์คู่ขนาด 290 มม. ตัวคาลิปเปอร์ผลิตด้วยกรรมวิธีการหล่อขึ้นรูป (แคส) จากอลูมิเนียมก้อน ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบชิ้นเดียว แม่ปั๊มบน Nissin ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เหมาะกับคาแรคเตอร์ของ Z H2 สามารถควบคุมน้ำหนักการใช้เบรก และใช้เบรกในการช่วยถ่ายเทน้ำหนักของตัวรถเพื่อแต่งไลน์ และมุมเลี้ยวก่อนเข้าโค้ง
ราคา Kawasaki Z H2 สนนราคาอยู่ที่ 917,200 บาท
10. Triumph Speed Triple 1200 RS
Triumph Speed Triple 1200 RS มาพร้อมกับเครื่องยนต์ ขนาด 1,160 ซีซี 3 สูบเรียง DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ พละกำลัง 177.5 แรงม้าที่ 10,750 รอบต่อนาที มากกว่ารุ่นก่อน 29 แรงม้า รวมไปถึงรอบเครื่องมากกว่าเดิม 650 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 125 นิวตันเมตรที่ 9,000 รอบต่อนาที เกียร์ 6 สปีดพร้อม Quickshifter
ระบบกันสะเทือนหายห่วงได้โช้คหน้าระดับไฮเอนด์อย่าง Ohlins NIX30 ขนาด 43 มิลลิเมตร ปรับได้เต็มสูบตามใจต้องการ และโช้คหลัง Ohlins TTX36 ปรับได้เต็มสูบเช่นเดียวกัน และสวิงอาร์มเป็นแบบแขนเดียว
ระบบเบรกข้างหน้าเป็นจานดิสก์ขนาด 320 มิลลิเมตร คาร์ลิปเปอร์ Monobloc เรเดียลเมาท์ Brembo 4 ลูกสูบ ส่วนจานหลังเป็นดิสก์ขนาด 220 มิลลิเมตร เรเดียลเมาท์ Brembo 2 ลูกสูบ พร้อมระบบ Cornering ABS มี 2 ระดับ คือแบบถนนและแบบสนาม ปรับได้อิสระ
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ IMU 6 แกน, Traction Control 4 ระดับ, โหมดการขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ Track, Sport, Road และ Rain, ระบบป้องกันล้อยก รวมอยู่ใน Traction Control ไม่สามารถปรับได้ และระบบ Cruise Control
Triumph Speed Triple 1200 RS ราคา อยู่ที่ 15,100 ปอนด์ หรือประมาณ 681,000 บาท (ยังไม่รวมภาษี)
และทั้งหมดนี้ก็เป็น 10 รถจักรยานยนต์สไตล์เน็คเก็ต ที่ควรจับจองเป็นเจ้าของในปี 2021
อ่านข่าว News Talk เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish