ขณะที่รถรุ่นนี้ในไทยอาจจะไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยมากนักแต่ในต่างประเทศ Suzuki Hayabusa ยังคงเป็นตัวเลือกที่หลายคนสนใจ และเพื่อรักษากระแสความต้องการให้ยังคงอยู่ต่อไป

Suzuki Hayabusa 2025 มาพร้อมกับ 3 เฉดสีใหม่ ที่เน้นการเสริมภาพลักษณ์ตัวรถให้ดูหล่อหรูมากขึ้น นั่นคือ

• สีเงิน ตัดน้ำเงิน “Metallic Mystic Silver / Pearl Vigor Blue” เสริมภาพลักษณ์ความเป็นรุ่นใหญ่ จากเดิมทีเจ้าเหยี่ยวอ้วนโฉมปีก่อนหน้าก็มีเฉดสีคล้ายๆกันนี้ให้เลือกอยู่แล้ว แต่จะเป็นตัวรถสี ขาว ตัดน้ำเงิน ซึ่งอาจจะดูวัยรุ่นเกินไป

• สีถัดมา คือสีดำเงา ตัดดำด้าน และสีเงิน “Glass Sparkle Black / Metallic Matt Black” ซึ่งจะให้โทนความรู้สึกสุขุม น่าค้นหายิ่งกว่าตัวรถสีตอนเปิดตัว นั่นคือ สีดำ ตัดทองเข้ม หรือสีไทเทเนียม อย่างสี “Glass Sparlke Black / Metallic Matt Titanium Silver”

• ท้ายสุดคือตัวรถสีเขียวด้าน “Metallic Matt Steel Green / Glass Sparkle Black” ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเฉดสีตัวขายหลักของรถโมเดลปีนี้ ด้วยกลิ่นอายใหม่ ในแบบที่ทางค่ายไม่เคยใช้มาก่อนกับเจ้าเหยี่ยวอ้วนรุ่นนี้

โดยเหยี่ยวอ้วนปี 2025 ยังคงมาพร้อมกับจุดขายในเรื่องของงานออกแบบแฟริ่งเปลือกนอกที่เน้นในเรื่องของความสวยงามและการไหลเวียนอากาศอันต่อเนื่อง ไม่ได้เน้นเรื่องแรงกด แต่เน้นเรื่องของความนิ่งและสเถียรขณะวิ่งฝ่าอากาศด้วยความเร็วสูง, ชุดเฟรมแบบโครงอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป ซึ่งออกมาเพื่อทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และมีอัตราการถ่ายน้ำหนักหน้า-หลังแบบสมดุลด้วยอัตราส่วนน้ำหนัก 50:50, ระบบกันสะเทือนโช้กหน้าหัวกลับ ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร เคลือบผิวด้วยสาร DLC และโช้กหลังแก๊สต้นเดี่ยว ปรับเซ็ทด้วยทุกค่าเช่นกัน ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มอลูมิเนียมแขนคู่ โดยตัวระบบกันสะเทือนเหล่านี้ถูกพัฒนาโดย KYB, ขณะที่ระบบเบรกด้านหน้า ก็ครบครันด้วยปั๊ม Brembo Stylema ทำงานร่วมกับจานเบรกคู่ขนาด 320 มิลลิเมตร

เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ DOHC 16 วาล์ว ขนาดความจุ 1,340cc ซึ่งเป็นบล็อกที่ต่อยอดมาจากตัวรถเจเนอเรชันที่ 2 ให้กำลังสูงสุด 190 PS ที่ 9,700 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบ/นาที ซึ่งอาจจะดูน้อยลงกว่ารุ่นพี่ แต่ด้วยการปรับปรุงไส้ในหลายจุด รวมถึงปรับปรุงระบบไหลเวียนน้ำมันเครื่องใหม่ ทำให้ขุมกำลังในเหยี่ยวอ้วนเจเนอเรชันที่ 3 มีความทนทาน และสามารถเรียกกำลังตั้งแต่รอบต่ำได้ดีขึ้น

และด้วยการเสริมลูกเล่นมากมาย ทั้งโหมดการขับขี่, โหมดปรับระดับอัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์, ระบบล็อคความเร็วอัตโนมัติ, ระบบล็อครอบออกตัว, และระบบนำทาง เข้ามา จึงทำให้มันกลายเป็นรถสปอร์ตกึ่งทัวร์ริ่งที่น่าใช้ขึ้นมากเมื่อเทียบกับโฉมก่อนหน้า

Source Cr.: Suzuki UK

อ่านข่าว New Bikes เพิ่มที่นี่

อ่านข่าว Suzuki เพิ่มที่นี่

เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่

Website : motowish.com 

Facebook : facebook.com/motowish