2025 Ducati Panigale V4 ที่สุดซูเปอร์ไบค์เรือธง มีอะไรเปลี่ยนบ้าง? พร้อมเทียบเวลานักแข่ง MotoGP

Posted on 01/08/2024

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับสุดยอดซูเปอร์ไบค์เรือธงอย่าง 2025 Ducati Panigale V4 ที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย รวมถึงนักแข่ง MotoGP ได้ทดสอบศักยภาพของพวกมันแล้วในสนามแข่งขัน

ยุคใหม่ของซูเปอร์ไบค์ Ducati Panigale V4 เริ่มต้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2017 เป็นผลผลิตมาจากรถแข่ง MotoGP อย่าง Ducari V-4 Desmo GP หลังจากนั้นก็นำมาสู่การชนะการแข่งขันมากมายในรายการรถโปรดักชั่น จนมาในปี 2022 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ลากยาวมาจนปี 2025 มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง

การออกแบบตัวถังของ 2025 Ducati Panigale V4 ทั้งหมดได้รับการขัดเกลาอย่างพิถีพิถันในแง่ของหลักอากาศพลศาสตร์ องค์ประกอบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแอโรไดนามิกรอบคัน รวมไปถึงปีกวิงเล็ทที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงไปจากโฉมเดิมมีลักษณะเป็นสองชั้นมีรูตรงกลางปีก ผสามกันอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้เรื่องของหลักการยศาสตร์ยังมีการทำวิจัยเพื่อให้ผู้รับขี่รู้สึกสบายที่สุดเวลาขึ้นคร่อมรถ เบาะนั่งถูกเลื่อนไปข้างหน้า 10 มิลลิเมตร เพื่อให้ตำแหน่งการขับขี่กระชับมากขึ้น บริเวณถังน้ำมันได้รับการออกแบบให้สอดรับกับเข่ากว่าเดิม นอกจากนี้ด้านบนถังน้ำมันยังมีหลุมที่เอาไว้รองรับหมวกกันน็อคเวลาหมอบอีกด้วย

เครื่องยนต์ 2025 Ducati Panigale V4 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,103 ซีซี V4 ระบายความร้อนด้วยของเหลว อัตราส่วนกำลังอัด 14:1 ระบบจุดระเบิดแบบพัลส์คู่ มีระบบวาล์วเดสโมโดรมิกอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ducati ผ่านมาตรฐาน Euro 5+ พละกำลังสูงสุด 216 แรงม้าที่ 13,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูดสุด 120.9 นิวตันเมตรที่ 11,250 รอบต่อนาที นอกจากนี้ภายในเครื่องยนต์ได้มีการเปลี่ยนเพลาลูกเบี้ยวใหม่ พร้อมกับการยกวาล์วที่เพิ่มขึ้น

แชสซีของ 2025 Ducati Panigale V4 เฟลมหลักใช้อลูมิเนียมน้ำหนักเบาและเล็กกว่ารุ่นปี 2022 สิ่งที่เห็นได้ชัดอีกอย่างก็คือสวิงอาร์มที่จากเดิมรถระดับเรือธงจะเป็นสวิงอาร์มแขนเดี่ยว แต่มาคราวนี้ Ducati ออกแบบให้เป็นสวิงอาร์มแขนคู่ เรีกยว่า Ducati Hollow Symmetrical Swingarm

ระบบกันสะเทือน 2025 Ducati Panigale V4 จะมีความแตกต่างกันระหว่างรุ่น V4 และ V4S โดย Panigale V4 นั้นตัวโช้คหน้าจะได้ Showa BPF ขนาด 43 มิลลิเมตร พร้อมกับโช้คแก๊สหลัง Sachs สามารถปรับแต่งได้ทุกค่า ส่วน Panigale V4S โช้คหน้า Ohlins NPX 30 ขนาด 43 มิลลิเมตร ปรับด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และโช้คหลัง Ohlins TTX 36 ปรับด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกัน

ความแตกต่างอีกอย่างคือ “ล้อ” Panigale V4 ใช้ล้ออลูมิเนียมหล่อทั่วไป ส่วน Panigale V4S ใช้ล้ออลูมิเนียมฟอร์จที่มีน้ำหนักเบา ด้านระบบเบรกเหมือนกันทั้งสองรุ่น ใช้จานดิสก์คู่หน้าขนาด 330 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์ Brembo Hypure รุ่นล่าสุด ซึ่งไม่เพียงแต่เบากว่ารุ่น Stylema แต่ยังสามารถกระจายความร้อนได้ดีกว่าอีกด้วย ส่วนเบรกหลังจานดิสก์เดี่ยวขนาด 245 มิลลิเมตร คาลิเปอร์ Brembo

ระบบ Race eCBS คือที่สุดของระบบ ABS รุ่นใหม่ที่ Bosch พัฒนาร่วมกับ Ducati มีโหมดต่างๆ ให้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นโหมดปกติ หรือโหมดเฉพาะสนามแข่ง นอกจากนี้ยังมีการออกแบบระบบให้ใช้เบรกหลังอัตโนมัติเมื่อใช้เบรกหน้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า การเอียงรถ เพื่อช่วยในการเข้าโค้งบางจังหวะที่ต้องการใช้เบรกหลัง

สัดส่วนตัวรถมีความแตกต่างเล็กน้อยกับโฉมก่อน ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นจาก 146.8 เซนติเมตร เป็น 148.5 เซนติเมตร น้ำหนักของตัวรถรุ่น V4 มีน้ำหนัก 190.9 กิโลกรัม (น้ำหนักแห้ง) ส่วนรุ่น V4S มีน้ำหนัก 186.8 กิโลกรัม (น้ำหนักแห้ง)

ระบบอิเล็กทรอนิกส์จัดมาให้แบบเต็มลำ ไม่ว่าจะเป็น Ducati Traction Control, Ducati Slide Control, Ducari Wheelie Control, Ducati Power Launch, Engine Brake Control และ Ducati Quick Shift 2.0 ระบบที่เป็นไฮไลท์ที่ Ducati ภูมิใจนำเสนอก็คือ Ducati Vehicle Observer (DVO) มีเซ็นเซอร์มากกว่า 70 ตัว สามารถทำให้การใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด

หน้าจอแสดงผลขนาด 6.9 นิ้ว อัตราส่วน 8:3 ทำให้การอ่านข้อมูลบนหน้าจอได้ดีไม่รบกวนมุมมองบนถนน แสดงความเร็ว รอบเครื่องยนต์ เกียร์ มีระบบ GPS เมื่อตั้งค่าโหมด Track จะมีจอแสดงเวลาต่อรอบขึ้นมาให้ สามารถเก็บข้อมูลเอาไว้พัฒนาการขี่ของตัวเองได้

มาดูผลงานนักแข่งในสังกัดของ Ducati ที่ลงแข่งขันทั้งหมด 15 คน ใช้รถแข่ง 2025 Ducati Panigale V4S ที่ดูแล้วไม่น่าจะได้มีการปรับแต่งอะไรมากมาย แทบจะเรียกได้ว่ารถ Stock ที่เปลี่ยนท่อไอเสีย Akrapovič พร้อมชุดแต่ง Racing Kit มากมาย คาลิปเปอร์เบรก Brembo GP4-MotoGP พร้อมผ้าเบรก Brembo Z04 มีท่อระบายความร้อน ดิสก์เบรก T-drive โดย “อังเดร เอียนโนเน่” ที่แข่งอยู่ในรายการ WorldSBK ทำเวลาดีที่สุด 1.35.051 นาที หากเทียบเวลาที่เร็วที่สุดในรายการ WorldSBK พบว่าสถิติเร็วที่สุดในสนาม Misano คือเวลา 1:32.687 นาที ซึ่งเป็นสถิติของ “โทปรัค ราซกาตลิโอกลู” รถ BMW M1000RR ส่วนนักแข่ง MotoGP ที่ทำเวลาเร็วที่สุด คือ “ฟรานเชสโก้ บัญญาญ่า” นักแข่งจากทีมโรงงาน Ducati ทำเวลา 1.35.091 นาที