ทำไม “มาร์ค มาร์เกซ” ถึงประสบความสำเร็จกับ RC213V
นับตั้งแต่ “มาร์ค มาร์เกซ” ก้าวขึ้นสู่รุ่นพรีเมียร์คลาสมีเพียงปี 2015 เท่านั้นที่เขาควบรถแข่ง RC213V จบฤดูกาลอันดับที่ 3 นอกนั้นคือแชมป์โลกทั้งหมด แล้วอะไรคือสิ่งที่เขาควบคุมม้าพยศตัวนี้ได้
นักแข่งทีมเรปโซล ฮอนด้า วัย 27 ปี ครองแชมป์โลกมานับไม่ถ้วนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนยอมรับคือความสามารถของตัวเขาเอง ที่มีความแข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่สามารถขี่ RC213V ได้เพียงคนเดียว ภายใต้ความสามารถที่ยิ่งใหญ่นี้สิ่งที่ทำให้ “มาร์เกซ” ได้เปรียบอีกอย่างคือการมาของยางมิชลิน ยางยุคกล่อง Magneti Marelli
ในยุคของการพึ่งพากล่อง ECU และยางบริดสโตนเป็นหลัก นักแข่งสามารถพึ่งพารถแข่งของพวกเขาได้ตามที่คาดหวังเอาไว้ในทุกสถานการณ์ แต่นั่นไม่ใช่อีกต่อไปในยุคนี้ เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างโลวเทค และไม่ปรับตัวเองตามความสมดุลที่ควรจะเป็นของรถแข่ง ดังนั้นนักแข่งจึงต้องหาหนทางปรับตัวให้เข้ากับรถเอง
เป็นเรื่องเดียวกับยางแข่งสเปคปัจจุบัน นั้นค่อนข้างที่จะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างเช่นอุณหภูมิพื้นแทร็ค และสภาพแทร็ค และด้วยลักษณะของยางนักแข่งจะต้องหาจุดสัมพันธ์ของกริปด้วยตัวเอง มีวิศวกรไม่ขอออกนามท่านหนึ่งบอกว่า “ยางเปลี่ยนไปทุกสัปดาห์ ดังนั้นมันจึงเป็นการเสี่ยงโชค บางครั้งคุณก็เจอแจ็คพอต”
“มาร์เกซ” ได้โชว์ความสามารถในหลายโอกาส ครั้งแรกที่เห็นได้ชัดคือสนามเลอม็อง ปี 2013 ปีแรกของการแข่งขันก่อนที่ยางมิชลินจะเข้ามา และเป็นการแข่งขันในสภาพ Wet Race เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งที่แสดงให้เห็นความสามารถในการควบคุมรถไล่เก็บทีละคันจนจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 3
“มาร์เกซ” ไม่ใช่นักแข่งเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถนี้บน RC213V แต่ “เคซี่ สโตนเนอร์” ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่สามารถคว้าแชมป์โลกได้ด้วยเช่นกัน แต่ตอนนั้นเป็นรถ RC212V และในปี 2012 ก็ควบ RC213V คว้าชัยชนะถึง 5 สนาม
“สโตนเนอร์” กล่าวในปี 2012 ว่า “คุณไม่สามารถมีความภาคภูมิใจใดๆ คุณไม่สามารถภาคภูมิใจในสิ่งที่คุณคิดว่าทำได้ คุณต้องค้นหาว่าต้องขี่รถแข่งอย่างไร น่าเสียดายที่มีนักแข่งหลายคนพูดว่า อืมรถแข่งต้องเหมาะกับผม คุณต้องพัฒนารถแข่งเพื่อให้สามารถขี่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้คุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างไร”
“มันเป็นเพียงทัศนคติทางใจ คุณไม่มั่นใจในตัวเอง คุณต้องยอมแพ้กับรถแข่งคนนั้น คุณสามารถชนะการแข่งขันได้แต่คุณต้องค้นหาว่ามันต้องขี่อย่างไร”
เห็นได้ชัดว่าวิศวกรและทีมพัฒนาทำงานกันอย่างแข็งขันเพื่อพัฒนาและปรับแต่งรถแข่งของพวกเขา แต่เมื่อสัญญาณไฟสีแดงดับลงในบ่ายวันอาทิตย์ นักแข่งจะต้องเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง นั่นคือเหตุผลที่ “มาร์เกซ” สร้างความแตกต่าง เมื่อเจอเงื่อนไขที่ยากที่สุด
สังเกตได้ว่าเมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้นการยึกเกาะแทร็คนั้นจะแตกต่างกับช่วงฝึกซ้อม เพราะก่อนหน้านี้มีการแข่งขัน Moto2 ทำให้เศษยางหรืออุณภูมิแทร็คมีการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่นักแข่งคนอื่นๆ ใช้เวลาครึ่งโหลเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์แข่งขัน แต่ “มาร์เกซ” ปรับตัวทันทีที่เข้าโค้งแรก เหมือนกันในรอบสุดท้ายของการแข่งขัน “มาร์เกซ” รับรู้ได้ถึงยาง ทำการปรับตัวเข้าหารถและยางที่เหลืออยู่ใช้มันอย่างคุ้มค่าช่วงสุดท้าย
แล้วใครทำอย่างเขาได้บ้าง ? มองไปที่ “กวาร์ตาราโร่” ที่หลายคนพูดกันว่าเขามีสไตล์กับขี่เหมือนกับ “ลอเรนโซ่” บางครั้งเขาก็ทำได้บางครั้งเขาก็ทำไม่ได้ แต่สำหรับปี 2020 ทุกสิ่งที่อย่างมันยังไม่ได้เริ่มต้น นักแข่งสองคนนี้เป็นที่น่าจับตามอง พัฒนาการของนักแข่งฝรั่งเศส วัย 20 ปีที่เก็บเกี่ยวมาจากปีที่แล้ว คงจะได้เห็นผลอย่างจริงจังในฤดูกาล 2020 ที่ยังไม่รู้จะเริ่มแข่งตอนไหน บอกได้เลยว่า “มาร์เกซ” เหนื่อยแน่
Source Cr.: motorsportmagazine
อ่านข่าว Motorsport เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish