“หนังหุ้มเหล็ก” นักแข่ง MotoGP ใส่อะไรป้องกันบ้างเมื่ออยู่บนรถแข่ง ไบค์เกอร์ทั่วไปใส่ได้ไหม?
การแข่งขันรถจักรยานยนต์เป็นหนึ่งในรายการมอเตอร์สปอร์ตที่อันตรายที่สุดรายการหนึ่งเนื่องจากผู้เข้าแข่งขันต้องทำการขี่รถโดยที่ไม่มีอุปกรณ์อะไรป้องกันเลยนอกจากชุดแข่ง นั่นจึงเป็นสิ่งเดียวที่ทำหน้าที่ปกป้องอันตรายที่เกิดจากอุบัติเหตุไม่ให้นักแข่งบาดเจ็บ โดยเฉพาะรายการ MotoGP ที่มีความเร็วระดับ 330+ กม./ชม. มาดูกันว่านักแข่งนั้นใส่อะไรบ้าง แล้วไบค์เกอร์ทั่วไปหามาใส่บ้างได้ไหม?
การแข่งขัน MotoGP อุปกรณ์ป้องกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของนักแข่งเวลาเกิดอุบัติเหตุ เพราะเมื่อรถล้มนักแข่งจะต้องลงไปสัมผัสกับพื้นผิวแทร็ก ดังนั้นเพื่อไม่ให้นักแข่งได้รับบาดเจ็บจึงต้องมีสิ่งป้องกันตั้งแต่หัวจรดเท้า เราลองมาไล่เรียงกันดีกว่าว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้าง
เริ่มต้นที่ “ศีรษะ” จะต้องมี “หมวกกันน็อค”
“หมวกกันน็อค” เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่สุดที่คอยปกป้องศีรษะ มาตรฐานการผลิตของหมวกกันน็อคมีมาตรฐานหลักๆ อยู่ 3 มาตรฐาน ได้แก่ ECE ของยุโรป JIS ของญี่ปุ่น และ Snell ของสหรัฐอเมริกา แต่หากต้องการให้นักแข่ง MotoGP ใส่หมวกกันน็อคยี่ห้อตัวเองจะต้องผ่านการทดสอบของ FIM อีกครั้ง
การทดสอบเพิ่มเติมของ FIM จะมีการทดสอบแรงกระแทกแบบเฉียง โดยการทำให้หมวกกันน็อคตกกระทบกับแท่นเอียง 45 องศา ด้วยความเร็วที่แตกต่างกันออกไป เพื่อวัดดูว่าหมวกนั้นสามารถดูดซับแรงกระแทกได้มากน้อยแค่ไหน โดยซิลิโคนจำลองเป็นศีรษะมนุษย์อยู่ภายในเพื่อให้สมจริงที่สุด สำหรับวัสดุก็จะแตกต่างกันออกไปแต่ละยี่ห้อไม่ว่าจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ หรือไฟเบอร์กลาส หรือเรซิน แต่ละชั้นก็ใช้วัสดุแตกต่างกันไปอีก
นอกจากนี้ หมวกกันน็อคของนักแข่ง MotoGP แต่ละใบยังมีคุณสมบัติด้านการระบายอากาศ ระบายเหงื่อ รวมไปถึงระบบส่งของเหลวเพื่อให้นักแข่งสามารถดื่มน้ำได้ขณะแข่งขัน ช่วงสัปดาห์การแข่งขันนักแข่งจะมีหมวกกันน็อคประมาณ 3-4 ใบ สำรองเผื่อไว้เวลาเกิดอุบัติเหตุ
แล้วถ้าถามว่าไบค์เกอร์ทั่วไปสามารถใส่หมวกกันน็อคเกรด MotoGP ได้ไหม ก็ตอบว่า “ได้” แต่ฟังก์ชั่นอาจจะไม่ได้ครบครัน ได้เพียงความแข็งแรงและการระบายอากาศ แต่ในเรื่องของฟังชั่นต่างๆ จะสู้หมวกกันน็อคที่ผลิตมาสำหรับวิ่งบนถนนไม่ได้ สำหรับในเรื่องความแข็งแรงดูดซับแรงกระแทกผ่านมาตรฐานระดับสูงอย่าง ECE ของยุโรป JIS ของญี่ปุ่น และ Snell ของสหรัฐอเมริกา อย่างแน่นอน และมีให้เลือกมากมายหลายี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น AGV, Shoei, KYT, Shark, Suomy, Arai, HJC, Kabuto หรือ Scorpion แต่รู้หรือไม่ว่าแบรนด์ชุดแข่งระดับโลกอย่าง Alpinestars ก็ทำหมวกกันน็อคเช่นเดียวกันในการแข่งขันก็มีการซัพพอร์ตให้กับนักแข่ง MotoGP 2 คนได้แก่ “ฆอเก้ มาร์ติน” และ “แจ็ค มิลเลอร์”
Alpinestars ได้มีการออกหมวกกันน็อครุ่น Supertech R10 ออกมา อัดแน่นไปด้วยความปลอดภัยสูงสุดผ่านการพัฒนามามากกว่า 10 ปี การออกแบบที่สะดวกสบายเมื่อสวมใส่ น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม แอโรไดนามิกผ่านการทดสอบในอุโมงค์ลมจำนวนนับไม่ถ้วนก่อนที่จะออกมาเป็นสินค้าจริงๆ นอกจากหมวกสไตล์สปอร์ตแล้ว Alpinestars ยังมีหมวกโมโตครอสรุ่น Supertech M10 มากมายหลายแบบอีกด้วย
“ชุดแข่ง”
ชุดแข่งของนักแข่ง MotoGP สมัยใหม่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก การตัดเย็บจะต้องเข้ากับตัวนักแข่งแต่ละคน สวมใส่สบายที่สุดทุกท่วงท่าเวลาอยู่บนรถแข่ง หนังที่ใช้ในการตัดเย็บมาจากหนังจิงโจ้ หรือหนังวัว เย็บด้วยมือใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จแต่ละตัว สาเหตุที่ใช้ชุดหนังเพราะว่าหนังสามารถทนแรงเสียดทานได้ดี ภายในมีวัสดุที่ยืดหยุ่น เพื่อไม่ให้ชุดรัดจนเกินไปทำให้เลือดลมเดินได้ดีขึ้น ส่วนนูนด้านหลังใช้เก็บน้ำดื่ม ระบายความร้อน และรวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หลักๆ ตัวชุดจะช่วยซับแรงเสียดทานต่างๆ หลังระหว่างล้มแล้วไถลไปตามแทร็ค
นอกจากนี้นักแข่งบางคนยังชอบให้ช่างตัดเย็บทำการบุข้างในด้วยวัสดุซิลิโคนบริเวณขาด้วยเพื่อเพิ่มการยึดเกาะได้ดียิ่งขึ้นระหว่างที่คร่อมรถแข่ง
สำหรับการใส่ชุดแข่งขันนั้นส่วนใหญ่เหล่าไบค์เกอร์มักจะนิยมใส่การเฉพาะในสนามแข่งขัน ส่วนการขี่ออกทริปบนถนนจริงจะมีเสื้อผ้าอีกแบบที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งาน เพราะชุดหนังแบบเต็มตัวนั้นสวมใส่และถอดลำบาก เก็บความร้อน ซึ่งไม่เหมาะกับการเอามาใช้วิ่งออกทริปในสภาพอากาศของประเทศไทย
ยี่ห้อที่พัฒนาเสื้อผ้าสำหรับเหล่าไบค์เกอร์ที่โด่งดังที่สุดก็น่าจะหนีไม่พ้น Alpinestars ที่บอกได้เลยว่า มีให้เลือกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นชุดแข่งแบบใส่ลงสนาม หรือขี่ออกทริปตั้งแต่เสื้อแจ็คเก็ตแยกประเภทตามการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นสปอร์ต ทัวร์ริ่ง หรือจะเป็นการขับขี่ในเมือง มีให้เลือกหลากหลายสไตล์
“ถุงลมนิรภัย”
ถุงลมนิรภัย มีการนำมาใช้ในการแข่งขันหลายปีแล้ว แต่มีการบังคับใช้กันจริงๆ เมื่อปี 2018 โดยจะถูกติดตั้งไว้บริเวณหลัง ไหล่ และซี่โครง อยู่ภายในชุดแข่ง การทำงานของถุงลมนิรภัยจะมีไจโรสโคป และ GPS พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการล้ม คำนวณองศามุมเอง ความเร็วที่ลดลงอย่างผิดปกติ การลอยอยู่บนอากาศ แค่เพียงพริบตาเดียวแก๊สในถุงลมนิรภัยจะถูกฉีดและพองขึ้น
จากการพัฒนาถุงลมนิรภัยในสนามแข่งขัน นำมาสู่การพัฒนาบนท้องถนนสำหรับไบค์เกอร์ที่ขี่รถจักรยานยนต์มาในชื่อของ Alpinestars Tech-Air แตกแยกย่อยออกมาเป็น 3 รุ่น ได้แก่รุ่นแบบฟูลบอดี้ Teach-Air 10 ถัดมาเป็นรุ่นแจ็คเก็ต Tech-Air 5 และรุ่นสุดท้ายเป็นแจ็คเก็ตแต่เป็นแบบแขนกุด Tech-Air 3 ทั้งหมดทั้งสามรุ่นผ่านการวิจัยและพัฒนามาจากการเก็บของการแข่งขัน MotoGP ข้อมูลหลายล้านกิโลเมตร อุบัติเหตุนับพันครั้งที่เกิดขึ้นในการแข่งขัน ทำให้ชุดถุงนิรภัยทำงานได้อย่างชาญฉลาด และยังสามารถสวมใส่เข้ากันได้กับชุดของ Alpinestars ทั้งหมดอีกด้วย
“การ์ด”
ชุดหนังและถุงลมนิรภัยเพียงอย่างเดียวไม่พอแน่นอนสำหรับปกป้องนักแข่ง MotoGP การมีการ์ดทั้งหน้าและหลังเพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยรองรับแรงกระแทกและยังช่วยกระจายแรงกระแทก ไม่ว่าจะเป็นหน้าอกแผ่นหลัง แม้ชุดแข่งจะมีฟังก์ชั่นนี้อยู่แล้วแต่การเสริมเข้าไปอีกจะชัวร์กว่า นอกจากนี้ข้อศอก ไหล่ เข่า และสะโพก ตรงชุดแข่งยังมีฟังก์ชั่นให้สามารถใส่แผ่นการ์ดป้องกันเข้าไปได้อีก โดยแผ่นการ์ดเหล่านี้มีน้ำหนักเบาและยืดหยุ่นได้ เพื่อไม่ให้นักแข่งรู้สึกไม่สบายตัวเวลาขี่
ในการขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ทั่วไปนอกจากเสื้อแจ็คเก็ตหรือชุดหนังทั่วไปแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมที่เป็นการ์ดหลังมีทำขายออกมาในตลาดให้เหล่าไบค์เกอร์เลือกใช้มากมายหลายแบรนด์ สำหรับแบรนด์ชั้นนำอย่าง Alpinestars มีการ์ดหลัง การ์ดอก ให้เลือกใช้สำหรับไบค์เกอร์ที่ขี่บนท้องถนนเช่นเดียวกัน มีทั้งแบบรัด และแบบสอด เข้ากันได้กับชุดทุกชุดของ Alpinestars ที่ทำออกมาขาย
“ถุงมือ”
ส่วนที่ป้องกันมือได้ดีที่สุดก็คือถุงมือ ถุงมือยังทำมาจากหนังสัตว์เช่นเดียวกันชุดแข่ง และยังต้องมีความยาวทับไปที่ชุดแข่งอีกอย่างน้อย 50 มิลลิเมตร ฟังก์ชั่นของถุงมือฝ่ามือจะมีความบางมากกว่าส่วนอื่นของถุงมือ เพื่อช่วยลดผลกระทบที่มีต่อความรู้สึกของนักแข่ง MotoGP เวลาใช้คันเร่ง นอกจากนี้ระหว่างข้อต่อนิ้วจะมีการเสริมด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อลดการบาดเจ็บตรงนิ้วก้อยและนิ้วนางมีการทำช่องให้อยู่ในช่องเดียวกันเพื่อลดอาการบาดเจ็บ
สำหรับไบค์เกอร์คนไหนจะใส่ถุงมือหนังเกรดระดับนักแข่ง MotoGP ขี่ทริปบนถนนทั่วไปก็สามารถทำได้ แต่ก็อาจจะต้องดูด้วยว่ามันเทอะทะเกินไปหรือเปล่า เพราะมันมีความยาวขึ้นมาจากข้อมืออีกอย่างน้อย 50 มิลลิเมตรเลยทีเดียว ดังนั้นบนตลาดถุงมือจึงได้มีการผลิตถุงมือแบบต่างๆ ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นถุงมือผ้าที่เสริมด้วยหนัง หรือถุงมือหนังแท้ๆ รวมไปถึงขนาดต่างๆ จะยาวถึงแค่ข้อมือ หรือเลยข้อมือก็มีเหมือนกัน อีกทั้งยังมีให้เลือกหลายแบรนด์ แต่ที่มีให้เลือกเยอะๆ ก็คงหนีไม่พ้น Alpinestars มีตั้งแต่ราคาย่อมเยาว์ไม่ถึงสามพันบาท ยันหลักหมื่นเกรดพรีเมี่ยมกันเลยทีเดียว
“เซ็นเซอร์หัวเข่าและศอก”
แผ่นเซ็นเซอร์ตัวนี้เริ่มใช้ใน MotoGP ช่วง 1970 เนื่องจากยางมีขนาดที่กว้างขึ้นทำให้นักแข่งต้องเข้าโค้งด้วยท่าทางที่เอียงหาพื้นมาขึ้นครั้งแรกเลยที่ใช้มีการนำเอาเทปกาวกับไม้แปะไว้ที่เข่าเพื่อป้องกันจนพัฒนามาเรื่อยเป็นพลาสติกผสมที่สมดุลกันระหว่างแรงเสียดทานและความสึกหรอทำหให้นักแข่งรู้สึกนุ่มนวลไม่ติดขัดเวลาเอียงโค้ง
หลังจากมีเซ็นเซอร์เข่าแล้ว เข้าสู่ยุค MotoGP จริงๆ นักแข่งเริ่มกดข้อศอกลงพื้น ทำให้มีนักแข่งเริ่มใช้เซ็นเซอร์ข้อศอก จนกลายเป็นอุปกรณ์พื้นฐานประจำชุดแข่งไปในปัจจุบัน นอกจากนี้ในกติกา MotoGP ยังระบุห้ามใช้เซ็นเซอร์เข่าหรือศอก ที่ทำให้เกิดควันหรือประกายไฟอีกด้วย
ส่วนการขับขี่บิ๊กไบค์บนท้องถนนจะใส่เซ็นเซอร์เข่าหรือศอกได้ไหม ตอบว่าได้ ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันจะมีประโยชน์หรือเปล่าอันนี้อีกเรื่องหนึ่ง เพราะเวลาขี่จะมีสักกี่คนกล้าเอาหัวเข่าหรือศอกถูไปกับพื้น เซ็นเซอร์เข่าและศอกมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อบนตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยส่วนมากกางเกงสำหรับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาก็จะมีการเสริมป้องกันบริเวณเข่าให้ด้วยเช่นกัน
“รองเท้าบูท”
เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบสุดพิถีพิถันให้กับนักแข่ง MotoGP ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นในและชั้นนอก โดยชั้นในจะเป็นใช้วัสดุออกแบบให้เน้นไปที่การป้องกันส้นเท้าและข้อเท้า ขณะเดียวกันชั้นนอกทำด้วยหนังมีแผงอีกชั้นป้องกันส้นเท้าและข้อเท้า ตัวรองเท้าจะทำสูงขึ้นมาจากข้อเท้า 70 มิลลิเมตร นอกจากการป้องกันแล้วการสึกหรอยังเป็นโจทย์สำคัญในการออกแบบอีกด้วย รองเท้าทั้งหมดจะออกแบบให้สึกหรอยากที่สุด นอกจากนี้การถ่ายเทความร้อนระหว่างร้องเท้ากำลังเสียดสีบนผิวแทร็กก็ต้องทำได้ดีอีกด้วย
สำหรับไบค์เกอร์ทั่วไปอยากจะใส่รองเท้าบูทในการขี่ออกทริปทั่วไปก็สามารถทำได้และป้องกันได้ดี้ด้วย แต่จะมีความเทอะทะนิดหน่อยหากเป็นสายสปอร์ต เพราะต้องการความคล่องตัวในการขี่ทาง Alpinestars ก็มีการผลิตรองเท้าบูทออกมาให้มีลักษณ์ที่ข้อเท้าสั้นลง ช่วยให้ไบค์เกอร์สวมใส่ได้ง่ายสะดวกสบาย อีกทั้งยังสามารถเป็นรองเท้าแฟชั่นได้อีกด้วย ไม่เพียงแค่สายสปอร์ต สายทัวร์ริ่ง สายขี่ในเมือง ก็มีรองเท้าที่เหมาะสมกับสไตล์ของไบค์เกอร์แต่ละคนให้เลือกเช่นเดียวกัน
และนี่ก็เป็นทั้งหมดของอุปกรณ์ที่นักแข่ง MotoGP สวมใส่กันระหว่างโปรแกรมการแข่งขันแต่ละสนาม แต่ละชิ้นออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยของนักแข่งทุกคน หากไม่ผ่านมาตรฐานของ FIM ก็จะไม่สามารถใช้ลงทำการแข่งขันได้ และเมื่อมีการสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับการแข่งขัน MotoGP ขึ้นมาก็ต้องมีการเอาเทคโนโลยีการผลิตต่างๆ มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับการขับขี่แต่ละแบบบนท้องถนน รวมถึงทำออกมาให้มีความเป็นแฟชั่นเตะตาไบค์เกอร์แต่ละคน แต่ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องความแข็งแรงทนทาน เหมือนที่ Alpinestars แบรนด์ระดับโลกที่ผลิตชุดสำหรับการขี่รถจักรยานยนต์ทุกสไตล์ในโลกตั้งแต่สนามแข่งขัน ยันทางฝุ่น โดยประเทศไทยก็มีตัวแทนนำเข้าอย่างเป็นทางการเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น ไบค์เกอร์คนไหนอยากซื้อสามารถเลือกสินค้าได้ที่นี่ และหากต้องการติดตามข่าวสารสามารถติดตามได้บนแฟนเพจเฟสบุ๊ค Alpinestars Thailand Official
อ่านข่าว Motorsport เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish