Suzuki เผยโฉม GSX-R1000R ร่างลุยศึก Suzuka 8 Hrs 2025 คันจริง

Posted on 04/04/2025

Suzuki นับเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตที่สามารถทำผลงานในการแข่งขันบิดอึด Suzuka 8 Hrs ได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด และในปี 2025 นี้พวกเขาก็ไม่พลาด ที่จะส่งตัวแข่งของตนเองลงสู้ศึกด้วยภายใต้สังกัด Team SUZUKI CN CHALLENGE

2025 Suzuki GSX-R1000R : Team SUZUKI CN CHALLENGE คือตัวแข่งใหม่ล่าสุดที่ทางค่ายคนบ้าจะใช้ลงทำการแข่งขันบิดอึด Suzuka 8 Hrs ในปีนี้ ซึ่งอันที่จริงทางค่ายก็ได้เคยนำตัวรถร่างจำลองมาให้ชาวไทยได้ชมกันบ้างแล้วในงาน Motor Show 2025

โดยในฝั่งตัวแข่งคันจริง ก็จะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Suzuki GSX-R1000R ที่ใครหลายคนคุ้นเคยกันดี และในคราวนี้ มันก็จะได้รับการปรับเปลี่ยนและปรับแต่งในหลายๆจุดเพื่อให้เหมาะสมและตรงกับกติกา

ตั้งแต่ การเปลี่ยนชุดแฟริ่งเปลือกนอกใหม่ทั้งหมด ให้กลายเป็นแฟริ่งสนาม พร้อมหมุดปลดเร็ว ง่ายต่อการถอดเปลี่ยนนเมื่อได้รับความเสียหาย และใช้วัสดุ Pre-Preg Recycled Carbon จาก JHI, บังโคลนหน้า-หลัง วัสดุเส้นใยพืชคอมโพสิต Tras Bcomp, ติดตั้งวิงเล็ทขนาดใหญ่เข้าไปเพื่อเสริมแรงกดหน้ารถ, เปลี่ยนไฟหน้าแบบตัวแข่ง Endurance ซึ่งจะมีความสว่างเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับการวิ่งฝ่าความมืดในสนามเป็นอย่างดี

เปลี่ยนชุดสวิงอาร์มหลังเป็นงานอลูมิเนียมดามล่าง น้ำหนักเบา แต่แข็งแรง, ชุดระบบกันสะเทือนจาก Ohlins สเป็คพิเศษเพื่อการแข่งขันบิดอึดโดยเฉพาะ, ชุดคาลิปเปอร์เบรก Brembo ด้านหน้ารหัส GP4-RR ทำงานร่วมจานเบรก 2 ชั้นพร้อมครีบระบายความร้อนจาก Sunstar และผ้าเบรกเอง ก็เป็นแบบปล่อยฝุ่นน้อย คาร์บอนต่ำ จาก Tokai, ชุดล้ออลูมิเนียมฟอร์จ Marchesini M7R รัดด้วยยางสลิค Bridgestone Racing Battlax V02 ซึ่งมีการปรับส่วนผสมใหม่ ให้มีการใช้วัสดุรีไซเคิลมากขึ้น

เปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นแบบ LFP ไล่เบา จาก ELLIIY Poer, เปลี่ยนถังน้ำมันเป็นขนาด 24 ลิตร พร้อมฝาถังฯแบบเติมไว, และเปลี่ยนชิ้นส่วนจุกจิกอื่นๆตามฉบับรถสนาม เช่นเกียร์โยง, แผงคอ, แฮนด์บาร์, การ์ดมือเบรก, การ์ดแครงก์เครื่องยนต์ ซ้าย-ขวา, ฯลฯ

ท้ายสุดคือเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุ 999cc ที่ทางค่ายไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการปรับแต่งมากนัก นอกไปเสียจากการระบุว่า มันจะทำงานร่วมกับชุดท่อไอเสียที่ทำขึ้นจากวัสดุ TranTixxii™ -Eco หรือวัสดุไทเทเนียมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ก็คาดว่าพละกำลังที่ได้จะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 220 แรงม้า แน่นอน ซึ่งอาจจะดูไม่มากมายนัก เมื่อเทียบกับตัวแข่ง WSBK ทว่ามันก็แลกกับความทนทานที่สูงกว่า และถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการบิดอึดเช่นนี้

โดยหากเราลองสังเกตกันดีๆ จะพบว่าทาง Suzuki พยายามใช้ชิ้นส่วนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากมายบนตัวแข่งคันนี้ นั่นก็เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และความพยายามที่จะลดการปลดปล่อยคาร์บอนโดยไม่จำเป็นของแบรนด์ให้น้อยลง แม้กระทั่งน้ำมันที่ใช้เติมตัวแข่งเอง ยังมีการเปลี่ยนสูตร จากที่เคยใช้ส่วนผสมน้ำมันชีวภาพ 40% ในปีก่อน ตอนนี้ก็ได้ปรับมาใช้อัตราส่วนแบบ 100% แล้วเป็นที่เรียบร้อย