เปลี่ยนน้ำมันเครื่องบิ๊กไบค์ ตอนไหน และเลือกยังไงดี?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับไบค์เกอร์ชาวไทย เนื่องจากปัจจุบันสามารถออกรถได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน ดังนั้นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดเมื่อได้รถมาแล้ว คือการดูแลรักษา มาดูกันว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหน และเลือกยังไงดี
น้ำมันเครื่อง คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้เครื่องยนต์ใช้งานได้อย่างไม่ติดขัด เมื่อออกรถมาแล้วควรมีการเช็คระดับน้ำมันเครื่องทุก 100 กม. และโดยปกติควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 2,000-3,000 กม. แต่ถ้าหากไม่ค่อยได้ใช้งานควรจะเปลี่ยนภายในระยะเวลา 6 เดือน – 1 ปี
ประเภทของน้ำมันเครื่อง แบ่งอีกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
น้ำมันเครื่องธรรมดา (Synthetic) เป็นน้ำมันเครื่องเกรดธรรมดาที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ราคาพอเหมาะ ใช้กับรถที่ไม่ได้ต้องการรีดสมรรถนะ รวมไปถึงการใช้งานไม่หนัก การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องชนิดนี้ควรเปลี่ยนในทุกๆ 2,000 – 3,000 กม.
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) เป็นน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพดีกว่าน้ำมันเครื่องแบบธรรมดาขึ้นมา อายุการใช้งานที่นานขึ้น เหมาะสำหรับไบค์เกอร์ที่ใช้งานรถหนักกว่า และอยากได้สมรรถนะรถที่ดีขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงราคาที่ต้องจ่ายแพงขึ้น น้ำมันเครื่องขนิดนี้ควรเปลี่ยนทุก 2,000 – 4,000 กม.
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Fully Synthetic) เป็นน้ำมันเครื่องสำหรับไบค์เกอร์ที่ต้องการใช้งานเครื่องยนต์อย่างเต็มประสิทธิภาพ อายุการใช้งานนาน และย่อมแลกมากับราคาของน้ำมันเครื่องที่แพงกว่า น้ำมันเครื่องชนิดนี้ควรเปลี่ยนทุก 4,000 – 6,000 กม.
เมื่อรู้ประเภทของน้ำมันเครื่องแล้วต่อมาคือการเลือกความหนืด ตัวอย่างเช่น น้ำมันเครื่องที่มีตัวหนังสือ “10W-40” ตัวแรกชุดหน้า 10W นั้น เป็นตัวเลขของค่าการทนความเย็น ตัวอย่างเช่นคือ
- 5W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ประมาณ -30 องศาเซลเซียส ไม่เป็นไข
- 10W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ประมาณ -20 องศาเซลเซียส ไม่เป็นไข
- 15W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง -10 องศาเซลเซียส ไม่เป็นไข
- 20W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซลเซียส ไม่เป็นไข
ส่วนตัวเลขชุดหลังจากตัวอย่าง “40” เป็นค่าความหนืด ซึ่งตัวเลขยิ่งมาก ค่าความหนืดยิ่งมากตามไปด้วย จึงควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดที่เหมาะสมกับสภาพของเครื่องยนต์ และสภาพการใช้งาน ความหนืดของน้ำมันเครื่องควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะไม่เช่นนั้น ฟิล์มที่ควรทำหน้าที่ป้องกันการเสียดสีระหว่างชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์จะบางเกินไป ส่งผลให้เครื่องยนต์มีการสึกหรอสูง การทำงานของเครื่องยนต์มีเสียงดัง และยังส่งผลให้น้ำมันเครื่องพร่องเร็วกว่าปกติ แต่ถ้าน้ำมันเครื่องหนืดเกินไปก็ไม่ดีอีกเหมือนกัน จะส่งผลให้เครื่องยนต์อืดเร่งไม่ขึ้นและกินน้ำมันด้วย
ดังนั้นการอ้างอิงที่ดีที่สุดของการเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องก็คือ “ดูตามคู่มือรถ” ประกอบกับถามช่างในศูนย์บริการ หรือช่างผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ได้สเปคน้ำมันเครื่องอย่างที่ต้องการ และเหมาะสมกับการใช้งานของไบค์เกอร์แต่ละคน
ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือต้องเช็คด้วยว่าน้ำมันเครื่องนั้นมีมาตรฐานแบบใดบ้าง โดยดูที่ค่า JASO และ API หน้ากล่องหรือหลังกล่องจะมีบอก เช่น
- MB = เครื่องยนค์ระบบคลัทช์แห้ง
- MA = เครื่องยนค์คลัทช์เปียก
- MA2 = เครื่องยนค์น้ำมันรุ่นใหม่ที่ใช้กับคลัทช์เปียกแบบมีระบบกรองไอเสีย
- API = ณ ค่าปัจจุบันค่า API สูงสุดคือ API SN รองลงมาคือ SM, SL, SJ และ SG ตามลำดับ
เมื่อเช็คสเปคน้ำมันเครื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยี่ห้อที่เลือกใช้ก็ควรเป็นยี่ห้อที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับระดับสากล รวมไปถึงแบรนด์ที่คุ้นหูคุ้นตา ส่วนราคาก็ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันเครื่องนั้นด้วย จะเลือกตัวไหนขึ้นอยู่กับงบประมาณของไบค์เกอร์แต่ละคน
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิธีการเลือกน้ำมันเครื่องรวมไปถึงระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ดูแลรักษาให้สม่ำเสมอ หากใครไม่มีความรู้ในการดูแลรถก็สามารถเข้าศูนย์บริการ ซึ่งจะมีทีมช่างคอยให้คำแนะนำแบบละเอียด
อ่านข่าว General Tips เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish