Burn Rubber Riding Academy & Track Days สถาบันสอนขับขี่ด้วยนักแข่งระดับ MotoGP
บริษัท เบิร์นรับเบอร์ จำกัด สร้างปรากฏการณ์ความแรงครั้งยิ่งใหญ่ “Ride with the legends” (ไรด์ วิธ เดอะ เลเจนด์) ที่ได้สุดยอด “นักบิดโมโตจีพีระดับตำนาน” ได้แก่ ลอริส คาปิรอซซี (Mr. Loris Capirossi) เจเรมี่ แมควิลเลี่ยม (Mr. Jeremy McWilliams) และ เฟาส์โต ริชชี (Mr. Fausto Ricci) มาร่วมเป็นผู้ฝึกสอนพิเศษ ในโอกาสเปิดตัว “Burn Rubber Riding Academy & Track Days” (เบิร์นรับเบอร์ ไรด์ดิ้ง อะคาเดมี่ แอนด์ แทร็ค เดย์) สถาบันสอนขับขี่แนวมอเตอร์สปอร์ตแห่งแรกในประเทศไทยที่มีมาตรฐานหลักสูตรทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติระดับสากล
มิสเตอร์จิอานลูก้า ลอซซี่ ผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าทีมผู้ฝึกสอน เบิร์นรับเบอร์ ไรด์ดิ้ง อะคาเดมี่ แอนด์ แทร็ค เดย์ กล่าวว่า “จากการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าบนตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบถึงและเติมเต็มความต้องการของลูกค้าเพื่อให้ได้มาถึงการยกระดับ และพัฒนาศักยภาพให้กับผู้ขับขี่ล่าสุดบริษัทฯ นำเสนอ
“Burn Rubber Riding Academy & Track Days” (เบิร์นรับเบอร์ ไรด์ดิ้ง อะคาเดมี่ แอนด์ แทร็ค เดย์) สถาบันสอนขับขี่แนวมอเตอร์สปอร์ตสถาบันแรกในประเทศไทย ที่มีมาตรฐานหลักสูตรระดับสากล ภายใต้เจตนารมณ์เพื่อต้องการยกระดับขีดความสามารถของนักขี่ชาวไทย ให้สามารถต่อยอดไปถึงการเป็นนักแข่งอาชีพและฝึกฝนทักษะ เพื่อปรับใช้ในการขับขี่ในชีวิตประจำวันให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
โดยผู้ฝึกสอนอาชีพทั้งชาวไทยและต่างชาติ ล้วนแต่มีประสบการณ์ในการขับขี่การันตีความสามารถ ด้วยการแข่งขันในรายการใหญ่ๆ หลายรายการ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยการเปิดตัวสถาบันฯ อย่างเป็นทางการครั้งนี้ เราได้นักแข่งระดับตำนานของโมโตจีพี (MotoGP) คือ
ลอริส คาปิรอซซี (Mr. Loris Capirossi) เจเรมี่ แมควิลเลี่ยม (Mr. Jeremy McWilliams) และ เฟาส์โต ริชชี (Mr. Fausto Ricci) มาทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนการขับขี่ในภาคปฏิบัติ เพื่อเพิ่มพูนเทคนิค ความรู้ รวมถึงข้อควรปฎิบัติในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ให้มีความเชี่ยวชาญสูงสุดสำหรับการขับขี่แบบมอเตอร์สปอร์ตจากนักแข่งระดับโลก ภายใต้การควบคุมด้วยมาตรฐานระดับสากล พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ซ้อนท้ายนักแข่งโมโตจีพี เพื่อสัมผัสกับทักษะและความเร็วระดับตำนาน เสมือนหนึ่งได้ลงแข่งในรายการโมโตจีพีของจริง ในกิจกรรมไฮไลท์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Duo Experience” รวมถึงการฝึกฝนในภาคทฤษฎีและปฏิบัติกับเนื้อหาสุดพิเศษจากแบรนด์ดังชั้นนำอย่าง Alpinestars (อัลไพน์สตาร์) Michelin (มิชลิน) BMW (บีเอ็มดับเบิ้ลยู) และ Aprilia (อาพริเลีย)
มิสเตอร์จิอานลูก้า ลอซซี่ กล่าวต่อว่า “สถาบันฯ มุ่งเน้นสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อให้เกิดเป็น Community Hub ของนักขี่ โดยวางรูปแบบกิจกรรมฝึกสอนแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่กิจกรรม Track Days ที่เปิดให้ทุกคนทดสอบฝีมือของตนเองบนบนสนามแข่งมาตรฐานสูงสุดในประเทศไทย อาทิ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ สนามพีระ เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และสนามไทยแลนด์ เซอร์กิต จังหวัดนครปฐม และ
กิจกรรมสอนขับขี่ ที่เปิดหลักสูตรในทุกๆ เดือน (ยกเว้นเดือนมกราคม และระหว่างเดือนกรกฎาคม – กันยายน) ครั้งละ 2 วัน รองรับผู้สมัครได้ถึง 100 คนต่อครั้ง โดยผู้เข้าร่วมจะต้องทดสอบวัดระดับความสามารถและความรู้เกี่ยวกับการขับขี่ด้วยเกณฑ์การวัดระดับที่มีมาตรฐานสากล และมีหลักสูตรที่เหมาะสำหรับมือใหม่จนถึงระดับนักแข่งมืออาชีพ โดยแบ่งหลักสูตรเป็น 6 ระดับ ได้แก่
- Base Course สำหรับผู้ที่ไม่เคยขับขี่หรือเริ่มต้นขับขี่
- Level 1 เรียนรู้ตำแหน่งและวิธีการนั่งที่ถูกต้อง การเข้าโค้ง และเทคนิคการเบรคในสนามแข่ง
- Level 2 เทคนิคการขับขี่ตามเส้นสนาม เทคนิคการเบรคขั้นสูง และเทคนิคการมองจุดนำสายตา
- Level 3 รวมเทคนิคต่างๆ และมีการบันทึกวีดีโอประมวลผลการเรียน เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์และปรับแก้เทคนิคการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบที่สุด
อีกทั้งยังมีไฮไลท์คอร์สอย่าง Racing คอร์สฝึกทักษะการแข่งขันจริงแบบตัวต่อตัวกับนักแข่งมืออาชีพ และ Customised Training Programs คอร์สที่ผู้เรียนสามารถดีไซน์รูปแบบการเรียนรู้คู่กับผู้ฝึกสอนได้ตามที่ต้องการ เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างสูงสุด รวมถึงยังมีบริการจัดกิจกรรมแทร็คเดย์ไปจนถึงการขับขี่ แนวผจญภัย (Adventure) ให้กับแบรนด์รถหรือบริษัทที่ต้องการจัดกิจกรรมเพื่อลูกค้าอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเลือกร่วมกิจกรรมได้ทั้งในรูปแบบ Track Days และกิจกรรมฝึกสอน หรือเฉพาะกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง
โดยในทุกสนามฝึกสอนทางสถาบันฯ ได้จัดเตรียมทีมแพทย์ภาคสนาม (Doctor on track) ที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมเข้าดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ เรายังมุ่งหวังว่าสถาบันแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างให้เหล่าไบค์เกอร์ ได้มีโอกาสเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และฝึกฝนทักษะการขับขี่ โดยสามารถนำรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 150 ซีซีขึ้นไป
สำหรับร่วมกิจกรรมที่จัดในสนามพีระ เซอร์กิต และสนามไทยแลนด์ เซอร์กิต และสำหรับ 250 ซีซี ขึ้นไป สำหรับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยไม่จำกัดแบรนด์ และคาดหวังว่าจะมีผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ ทั้งกลุ่มชาวไทยและต่างชาติจะให้ความสนใจคอร์สการเรียนรู้ของสถาบันฯ มากกว่า 500 คน และหวังว่าผู้ขับขี่ ที่มาเรียนจะได้รับประสบการณ์การขับขี่อย่างมืออาชีพ พร้อมคำนึงถึงการขับขี่อย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
ติดตามข่าวสารและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก Burn Rubber Riding Academy & Track Days
ภายบรรยากาศกิจกรรม Burn Rubber Riding Academy & Track Days
Source Cr.: Burn Rubber
อ่านข่าว Events เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish